พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3ฯ และ พ.ต.ท.รณฤทธิ์ กิตติมาศ สว.กก.สส.3ฯ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ปณวัฒน์ จอกสุวรรณ์ , ร.ต.อ.ปิ่น มหถาวร รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น ชุดปฏิบัติการที่ 3,4 เข้าจับกุม นายณธกร หรือต้น โสภณบวรฉัตร อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.483/2567 ลง 24 พฤษภาคม 2567 และ นายวชรกร หรือเก่ง จริยประภาพร อายุ 44 ปี ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม , ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสาร , ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ โดยเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตร อิเล็กทรอกนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสดฯ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม” พร้อมของกลาง แท่งเหล็กปลายสว่าน จำนวน 2 แท่ง (ที่ใช้สำหรับงัด/ทุบกระจกรถยนต์), โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone รุ่น 12 Pro Max สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง, อาวุธปืนแบลงค์กันพร้อมซองกระสุน จำนวน 1 กระบอก, รถยนต์ยี่ห้อ Nissan รุ่น Fairlady สีเทา จำนวน 1 คัน, ยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาไอซ์) น้ำหนักรวม 5.79 กรัม, ยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาอี) น้ำหนักรวมถุง 0.55 กรัม, วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2(เคตามีน) น้ำหนักรวมถุง 0.85 กรัม โดยจับกุมนายณธกร หรือต้น ได้ที่ บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ ซ.เทพลีลา12 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร และจับกุม นายวชรกร หรือเก่ง ได้ที่อพาร์ทเมนท์ ซอยแจ่มจันทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม จังหวัดกรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 ผู้เสียหายได้ขับขี่รถยนต์ (ป้ายแดง) มาจอดไว้ที่ลานจอดอาคารจอดรถชั้น 5 โรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังจากนั้นได้เข้าไปสัมมานาภายในโรงแรม ต่อมาผู้เสียหายกลับมาที่จอดรถยนต์พบว่า กระจกรถยนต์ประตูหลังด้านซ้ายมีร่องรอยถูกทุบจนแตกละเอียด และพบว่า กระเป๋าเป๋สีดำและกระเป๋คาดเอวสีน้ำเงิน และกระเป๋าสะพายที่วางอยู่เบาะด้านหลัง ได้หายไป โดยภายในกระเป๋ามีเอกสารสำคัญ อาทิ บัตรประชาชน ใบขับขี่ สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรเครดิต หลายธนาคาร เงินสดประมาณ5,000 บาท หูฟังแอร์พอดโปร 5 อัน ราคา 6,990 บาทหลบหนีไป หนำซ้ำผู้เสียหายได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่ามีการใช้บัตรเครดิตหลายครั้งเป็นจำนวนเงินเกือบ 2 แสนบาท ภายในห้างสรรพสินค้าพื้นที่ แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ก่อนเข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กระทั่งชุดจับกุมใชเวลาเกือบ 1 เดือนติดตามจับกุมตัวดังกล่าว
สอบสวน นายณธกร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายวชรกร หรือเก่ง ก่อเหตุจริง ซึ่งตนเองทำหน้าที่ ตัวซ้อนรถและทุบกระจก นายวชรกรทำหน้าที่ คนขับขี่รถ โดยหลังก่อเหตุ ตนได้นำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปรูดซื้อโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง เพื่อนำไปขายต่อ เงินที่ได้จะนำไปซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ ที่เลือกทุบรถ เพราะว่าสถานที่ดังกล่าวปลอดคน และมองเห็นสิ่งของมีค่าในรถได้ชัด ส่วนนายวชรกร ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว แต่ให้การว่ารู้จักนายณธกร หรือต้น เนื่องจากเป็นเพื่อนกินเที่ยวด้วยกัน และรับว่ายาเสพติดที่ตรวจพบ เป็นของตนที่มีไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายจริง
นอกจากนี้ตรวจสอบในฐานระบบ พบประวัติของ นายณธกร เคยต้องโทษครอบครองอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้อนุญาต, ตัวการพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชน, ร่วมกันลักทรัพย์ และ นายวชกร หรือเก่ง เคยต้องโทษ มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนและห่วงใยประชาชน ปัญหาการถูกทุบกระจกรถขโมยทรัพย์สินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบาดแพร่สะพัดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สร้างความเดือดร้อนทั้งต่อทรัพย์สินและการเสียเวลา ฉะนั้นฝากเตือนว่าควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของโจร ไม่จอดรถในที่เปลี่ยว ที่ไม่มีผู้คนผ่านไปมาหรือตามตรอกซอกซอยลึก เลี่ยงการจอดรถริมถนนยามค่ำคืน แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องจอดริมถนน ควรเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างมากที่สุดและมีผู้คนสัญจรไปมา ไม่ทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ถ้าคุณไม่สามารถเลือกที่จอดได้ และต้องรถในที่เปลี่ยวและมืด ไม่ควรทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ทั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูป กระเป๋าราคาแพง และอื่นๆ เพราะจะล่อตาล่อใจโจรที่ตระเวนออกล่าเหยื่อ ทางที่ดีควรหยิบของมีค่าติดมือลงจากรถไปด้วย ติดสัญญาณกันขโมย ถึงแม้สัญญาณอาจจะไม่สามารถป้องกันการถูกลักทรัพย์ได้เต็ม 100% แต่ก็ยังช่วยชะลอการก่อเหตุหรืออาจทำให้โจรเตลิดหนีไปได้
