นักรบตัวจริงไม่ใช่นักวิ่งที่มีของ

คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 123/2561 ลงวันที่ย้อนหลัง 12 มีนาคม 2561 คลอดแบบแอบ ๆ ไม่ได้เผยแพร่ลงเว็บไซต์กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

มีเพียง 5 ตำแหน่ง

ร.ต.อ.กิตติกุล วรรณกิจ รองสารวัตรฝ่ายดนตรี กองสวัสดิการ ขึ้นเป็นสารวัตรฝ่ายดนตรี ในหน่วยตัวเอง ส่วน พ.ต.ท.วิษณุ ชนะอักษร ผู้บังคับกองร้อย สบ2 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 ถอนคำสั่งที่ย้ายไปกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.หญิง  ศิริรัตน์ แสนประดิษฐ์ รองสารวัตรฝ่ายกิจการการฝึกอบรม วิทยาลัยตำรวจ ถอนคำสั่งที่เลื่อนขึ้นเป็นสารวัตรฝ่ายพัฒนาหลักสูตร 2 สำนักการศึกษาและประกันคุณภาพ

ขณะที่ พ.ต.ท.หญิง ศุภมาศ มัฆวิมาลย์ สารวัตรธุรการกำลังพล กองบังคับการอำนวยการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ได้เลื่อนเป็นรองผู้กำกับการฝ่ายสรรพาวุธ 1 กองสรรพาวุธ

แทนที่รองผู้กำกับนับรบคืนเดียวคนดัง

พ.ต.ท.เอกชลิต คำหริ่ง สารวัตรปราบปรามสถานีตำรวจภูธรบ้านนา จังหวัดนครนายก ที่ขยับขึ้นเป็นรองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรระแงะ จังหวัดนราธิวาส รายงานตัววันเดียวมีคำสั่งย้ายกลับเป็นรองผู้กำกับการฝ่ายสรรพาวุธ 1 กองสรรพาวุธ

ทว่าเส้นทางไม่หยุดแค่นั้นเมื่อมี “คำสั่งปั่น” อีกระลอกสลับดอกนั่งเก้าอี้ รองผู้กำกับการจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์

ตอบคำถามหลายคนแล้วว่า เหตุใดสมรภูมิใต้ไม่ใช่สนามที่เขาควรจะอยู่

ตามประสาคนมีของ

นักรบ “ของปลอม” บางคนคำสั่งออกนอกทำเลผลประโยชน์ที่ตัวเองมีอยู่ไม่ทันไร ไม่พอใจวิ่งย้ายกลับมาคุมพื้นที่ใกล้ “ทำเลเก่า” ยังเอาคำสั่งภายในกองบังคับการย้ายสลับช่วยราชการตำแหน่งเดิม มี “ผู้เป็นนาย” ช่วยส่งเสริม

เสียดายชะตากรรม “นักรบตัวจริง” อย่าง พ.ต.ต.บัญชา สังกะเพศ สารวัตรสถานีตำรวจภูธรบาตูตาโมง จังหวัดยะลา พัฒนาโรงพักคว้า รางวัลโรงพักดีเด่นเพื่อประชาชน 2 ปีซ้อน

แต่ไม่สนองตอบนโยบาย กระหายอบายมุข ของผู้ใหญ่บางคน

ถูกเสนอย้ายเป็น สารัตรกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24 กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2

แม้เป็นพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ใกล้ถิ่นเกิดอุบลราชธานี ใช่ว่า ตัวเองจะเต็มใจออกจากสมรภูมิชายแดนด้ามขวาน

นายตำรวจหนุ่มอดีตนักเตะลูกแม่รำเพยโรงเรียนเทพศิรินทร์ ก้าวทำความฝันของพ่อเข้าสมัครสอบเป็นนักเรียนนายตำรวจรุ่น 61 จบออกมาสมัครใจลงสนามรบจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพนักงานสอบสวน (สบ1) สถานีตำรวจภูธรธารโต จังหวัดยะลา ปีถัดมาไปช่วยราชการงานสืบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า อยู่ในทีม พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์

กลายเป็นต้นแบบให้เขายึดเจริญรอยตาม

ร่วมปะทะเดือดหลายครั้ง อยู่ในวันสูญเสียเพื่อนรักร่วมรุ่น ร.ต.ท.เอก สุขิโต ในเหตุการณ์ที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ก่อนวิสามัญฆาตกรรม สะตอปา ตือปิงมะ แกนนำโจรก่อการร้ายที่มีหมายจับคดีความมั่นคง จากนั้นร่วมจับตาย ฮูไซฟะ หะยีสาเมาะ หัวโจกรายสำคัญที่ทุ่งยางแดง ปัตตานี และวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายตามหมายจับอีกราย

ทำงานเล่นบทบู๊เข้าตา พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง สมัยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เลยถูกทาบทามไปเป็นนายเวรเสริมเขี้ยวเล็บนักรบจากนายพลผู้เป็นนายเพิ่มขึ้น

ด้วยอุดมคติประจำกายที่ตัวเองท่องไว้เสมอ “ครองตน ครองงาน”

 ทุ่มเททำงานในสนามรบอย่างไม่หวั่นหวาดอันตราย พอนายเก่าเกษียณได้ย้ายออกไปอยู่เมืองสงขลา แต่เจ้าตัวไม่เลือกอยู่สุขสบายยังขันอาสากลับเข้ามาสวมบทนักรบอีกครั้ง

 สุดท้ายไม่วายพ่ายคนมีของ

RELATED ARTICLES