เดินหน้าทั่วประเทศเพื่อล่ารายชื่อในปฏิบัติการ “กวาดบ้านให้ ป.ป.ช.”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ดิ้นท้าชนเรียกแต้มสรุปยอดในการร่วมลงรายชื่อทะลุ 22,141 รายชื่อแล้วเพื่อนำไปใช้ถอดถอนกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติบางคนที่มีความประพฤติมิชอบ
ผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
“ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการขจัดคนพาล เพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับสังคมไทยต่อไปครับ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังโชว์วลี “หวานเจี๊ยบ” เฉียบตามสไตล์ของตัวเอง
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง ขอรับสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2566 ของสถานีตำรวจนนครบาลเตาปูน
เนื้อหาสรุปอ้างถึง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่54/2566 ได้ส่งสำนวนคดีอาญาที่ 391/2566 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ในเขตอำนาจของศาลอาญาและอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน มายังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อพิจารณาสำนวนการสอบสวนกรณีที่มีผู้มากล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ และน.ส.เบญจมิน แสงจันทร์ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐหรือบุคคลอื่นใดในข้อหาใดๆ บรรดาที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
กองบัญชาการตำรวจนครบาลขอรับคืนกลับมายังพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย เนื่องจากบัดนี้เลยกำหนดระยะเวลาตามกำหนดที่พนักงานสอบสวนได้ระบุไว้ในหนังสือตามที่อ้างถึงแล้ว
แต่ท่านยังมิได้ส่งสำนวนในส่วนที่มีผู้ต้องหาหลายคนที่ได้กระทำความผิดและอยู่ในอำนาจของศาลอาญา คืนกลับมายังพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด โดยสำนวนคดีอาญาที่ 391/2566 ปรากฎชัดแจ้งว่า เป็นคดีที่ผู้กล่าวหาได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี น.ส.อัญชลีไวทยาชีวะ กับพวกรวม 22 คน ร่วมความผิดต่อบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติการพนัน และเป็นลักษณะสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
อันเป็นข้อหาที่ไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ อีกทั้งการกระทำความผิดฐานฟอกเงินนั้นเป็นการกระทำความผิดอาญาอีกกรรมหนึ่ง มิใช่ความผิดที่เกี่ยวข้องกันที่สามารถจะดำเนินการไปในคราวเดียวกันกับการกระทำความผิดที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2566 ได้ดำเนินคดีและรวบรวมพยานหลักฐาน มาเป็นระยะเวลาพอสมควร แลได้ความปรากฏชัดแล้วว่า กลุ่มผู้ต้องหามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงกัน และใช้บัญชีธนาคารของบุคคลอื่นเป็นจำนวนมากในการกระทำความผิดอาญา
แม้จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย แต่จากพยานหลักฐานก็มิได้ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่และได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการได้ร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เป็นคดีที่มีได้ขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะได้กระทำผิดในการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมรับผิดเฉพาะเหตุฉกรรจ์ต้องรับโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนด ตามกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงินบัญญัติไว้ด้วยเหตุและผลดังกล่าว
คดีอาญาที่ 391/2566ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญา และอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน
แม้จะมีพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลที่ “ปั่นป่วนคดี” เพื่อให้กระทบถึงกระบวนการยุติธรรมอันเป็นการคุกคามดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ขอออก หมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ระบุเหตุและแจ้งพฤติการณ์ดังกล่าวให้ปรากฏแก่ศาลอาญาแล้ว
ดังนั้นการที่ศาลอาญาออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ย่อมหมายความถึงเพื่อให้พนักงานสอบสวนได้ตัวผู้ต้องหามาสอบสวนและดำเนินคดีต่อไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในความผิดฐานร่วมกับฟอกเงิน ที่อยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการสอบสวนได้ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานดังกล่าวแก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กับพวก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 มาตรา 134/3และมาตรา 134/ 4 แล้ว
ผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในอำนาจการควบคุมของพนักงานสอบสวน การสอบสวนคดีนี้จะต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดในการเสนอความเห็นทางคดี ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมผู้ต้องหานั้นไปยังพนักงานอัยการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 140และมาตรา 142
แต่พนักงานสอบสวนไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายต่อไปได้ เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติยังไม่มีการส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้กลับคืนมายังพนักงานสอบสวน
จึงเรียนมายังท่านเพื่อขอรับสำนวนของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูนคืนกลับมายังพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ได้แนบรายงานกระบวนพิจารณากรณีขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยมาประกอบเอกสารการขอรับสำนวนคดีคืนจากท่านแล้วด้วย
สำหรับคดีนี้ผู้ต้องหาบางรายถึงถูกจับกุมและเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน เป็นเหตุให้มีกำหนดระยะเวลาสำหรับการปล่อยชั่วคราวเพื่อสอบสวนให้เสร็จสิ้นจนถึงกำหนดศาลประทับรับฟ้อง
ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 113 ที่การขยายระยะเวลาตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย เป็นกรณีมีเหตุจำเป็นแต่ต้องมิให้เกินหกเดือน ระยะเวลาหกเดือนดังกล่าว ใกล้จะครบกำหนดในวันที่ 6 มิถุนายน 2567 นี้แล้ว
หากท่านมิได้คืนสำนวนให้แก่พนักงานสอบสวนภายในกรอบเวลาตามกฎหมาย เพื่อให้มีการฟ้องคดีได้ภายในกำหนดระยะเวลาย่อมอาจเป็นเหตุเสียหายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางราชการได้
คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงขอรับสำนวนคดีในส่วนที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคืน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายภายในวันที่ 4 มิถุนายน 2567
ทีมสอบสวนนครบาลกำลัง “วัดพลัง” อีกฝ่ายที่พยายามยื้อเกม “ดองคดี” เอื้อประโยชน์บางคน