เจ้าของสวนทุเรียน “สวี” ชุมพร โร่มอบตัวกองปราบ อ้างถูกเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นกลั่นแกล้ง หลังตกเป็น ผตห.คดีพยายามฆ่า

จากกรณี ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรสวี จังหวัดชุมพร ร่วมกับตำรวจชุดราชเดช, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำกำลังสุนัขดมกลิ่น เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 27 พื้นที่หมู่10 ตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เพื่อจับกุม นายสมชาย หนูภักดี อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 76/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 ข้อหา “ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พยายามฆ่า” หลังก่อนหน้าได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนปืน ยิงข่มขู่ ทำร้ายชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ละแวกดังกล่าว ที่ขับรถผ่านหน้าบ้านไปมา จนสร้างความหวาดผวาให้ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามระหว่างเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าปิดล้องตรวจค้น นายสมชาย เกิดไหวตัวทันชิงหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปได้ก่อน  ตามที่เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น

คืบหน้าล่าสุดเข้ามาว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิ.ย.67 นายสมชาย หนูภักดี อายุ 56 ปี พร้อมด้วย นายเอกวีร์ เอกอัฎฐวัฒน์ ทนายความ  เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กิติภูมิ ศรีแผ้ว สารวัตรกองกำกับการ5กองบังคับการปราบปราม เพื่อเข้ามอบตัวต่อสู้คดี โดยนายสมชาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่เคยมีพฤติกรรมใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ชาวบ้าน หรือ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเคยใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าในบ้านจริง แต่เป็นการยิงเพื่อไล่นก ไล่สัตว์ที่เข้ามาในบ้าน ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนบ้าน

นายสมชาย เล่าต่อว่า ส่วนที่ถูกดำเนินคดีจนกลายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ นั้นก็เพราะว่าถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากตนเป็นเจ้าของสวนทุเรียนและสวนปาล์มกว่าร้อยไร่ ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ เจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นจริง เนื่องจากตนนำรุดแบ็คโฮเข้ามาขุดดินในพื้นที่ของตนเองโดยรอบ และเคยถูกขู่ฆ่า ทำร้าย ใช้อาวุธปืนจ่อหัว จึงจำเป็นต้องติดกล้องวงจรปิดไว้รอบบ้านเพื่อใช้บันทึกเป็นหลักฐานและเพื่อความปลอดภัยของตนเอง เพราะที่ผ่านมามักถูกเจ้าหน้าที่เหล่านี้เข้ามากลั่นแกล้ง ขู่จะดำเนินคดีกับตน พร้อมยืนยันว่าเครื่องกระสุนปืนของกลาง ขนาด .22 ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ในบ้านพักนั้นก็ไม่ใช่ของตนเอง

“ส่วนที่ตัดสินใจมาเข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบในวันนี้ เนื่องจากเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย นอกจากนี้ตนยังอยากขอให้มีการโอนสำนวนคดี จาก สถานีตำรวจภูธรสวี มาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบ เพราะไม่เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจท้องที่ เกรงจะถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม” นายสมชาย กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.กิติภูมิ กล่าวว่า ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำบันทึกมอบตัวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งประสานนำตัว นายสมชาย ส่งพนักงานสอบสวน สภานีตำรวจภูธรสวี ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

RELATED ARTICLES