พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ4กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ต.ท.อำนวย วิชิตโสภณ สารวัตรกองกำกับการ4กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมกับ นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งประเทศไทย6 สนธิกำลังจับกุม นายธีร์ภัทร เลี้ยงวัฒนธรรม อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ จ.179/2566 ลงวันที่ 28 พ.ย.66 ข้อหา “เป็นพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐฯ” ได้ภายในลานจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อ ถนนเลียบมหาวิทยาลัยนเรศวร ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
พฤติการณ์ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหานั้นเคยเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสลีสซิ่งธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ร่วมกับเพื่อนที่ทำธุรกิจเต้นท์รถ ทำเอกสารปลอม แก้ไขสัญญา โดยดึงเอาเอกสารเช่าซื้อเต้นท์รถอื่น ๆ มาเปลี่ยนเป็นเต้นท์รถของเพื่อน เพื่อโกงค่าคอมมิชชั่นและเงินส่วนต่างอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเอาเงินส่วนต่างของสินเชื่อไปใช้ส่วนตัวเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
สอบสวน นายธีร์ภัทร ให้การว่าตนเคยเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารเอกชนแห่งหนึ่งมานับ 10 ปี มีความเชี่ยวชาญการเงิน-การตลาด จนพอทราบช่องทุจริต ก่อนจะย้ายมาอยู่ธนาคารรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ขณะนั้นตนติดหนี้พนันบอล ประกอบกับครอบครัวจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงทำเรื่องปลอมเอกสารเพื่อนำเงินจากธนาคารไปใช้หนี้จนถูกไล่ออกจากงานและเคยติดคุกมาแล้วถึง 3 ปี เพราะยืมบัตรเครดิตของเพื่อนไปใช้เกินวงเงินแล้วไม่จ่าย ต้องเปลี่ยนชื่อนามสกุลเพื่อหลบหนี
นายธีร์ภัทร ให้การต่อว่า ส่วนคดีที่ตนถูกจับนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2556 ขณะนั้นตนเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคาร คอยดูแลตลาดรถยนต์ใช้แล้ว (ลีสซิ่ง) ได้ร่วมกับเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าเต้นท์รถมือสอง เมื่อมีลูกค้าติดต่อซื้อรถที่ไม่ใช่ของเพื่อน ตนก็จะนำเอกสารสัญญาของเต้นท์รถดังกล่าวออก เพื่อสลับมาเป็นเต้นท์รถของเพื่อนแทน เพื่อที่จะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากธนาคาร แล้วก็นำมาใช้ส่วนตัว จนกระทั่งถูกจับได้ดังกล่าว จึงนำตัวส่งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อดำเนินคดีต่อไป
