ที่จังหวัดสงขลา พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ท.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผทค.พิเศษ ตร. รรท รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส. สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสาคัญ
คดีแรก สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายร่วมกันลักทรัพย์บ้านนักธุรกิจหลังหนึ่งกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียได้ทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศมาเลเซีย สืบทราบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดรวม 8 คน แบ่งหน้าที่กันทำและตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 7 คน เหลือ Mr.Lopez (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สัญชาติกัวเตมาลา หัวหน้าขบวนการ คาดว่าหลบหนีเข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองร่วมกันสืบสวนหา ต่อมา ตม.จว.สงขลา สืบสวนพบว่า Mr.Lopez เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จว.สงขลา เพื่อหายานพาหนะเดินทางต่อไปยังกทม.เตรียมหลบหนีต่อไปประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางธรรมชาติ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ประสานข้อมูล พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.2 บก.สส.สตม. สืบหาตัวจนทราบว่ามาพักที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท จึงวางกำลังเฝ้าอยู่รอบบริเวณ จนปรากฎตัวบริเวณหน้าโรงแรมจึงจับกุมพร้อมขยายผลตรวจสอบภายในห้องพักพบสร้อยคอ กำไร เครื่องประดับ แหวน 6 ชิ้น เชื่อว่าอาจเป็นทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมมา จึงตรวจยึดจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่ามีชื่อจริงว่า Mr.Miguel (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติโคลอมเบีย โดยไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามา ในประเทศไทยแต่อย่างใด เบื้องต้น ไม่ให้การใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ แต่ทาง สตม.มีข้อมูลว่าผู้ต้องหาเคยร่วมกับพวกสัญชาติเดียวกันก่อเหตุเช่ารถตระเวนลักทรัพย์ที่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2553 ซึ่งลงบันทึกข้อมูลประวัติไว้ในบัญชีบุคคลเฝ้าระวังของ สตม.แล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับ อนุญาต นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายและเมื่อคดีสิ้นสุดจะส่งตัวให้ กก.3 บก.สส.สตม. กักตัวไว้เพื่อรอดาเนินการตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
อีกคดี พล.ต.ท.อิทธิพล พล.ต.ท.ชูฉัตร พล.ต.ต.พันธนะ ร่วมกันแถลงว่า ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ ป.ป.ส.ภ.8 และ สภ.บ่อผุด จับกุม นายแมตติโอ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติอิตาลี สืบเนื่องจาก ตม.จว.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งว่ามีชายชาวต่างชาติมีพฤติการณ์นำยาเสพติดประเภทโคเคนมาจำหน่ายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวสายปาร์ตี้และบาร์ชาวต่างชาติ ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งสอดคล้องกับรายงานในทางลับของ ป.ป.ส. จึงร่วมกันสืบสวนเรื่อยมาจนทราบว่าผู้กระทำความผิดว่าชื่อนายแมตติโอ จึงบูรณาการวางแผนจับกุมโดยให้สายลับเป็นผู้ติดต่อขอซื้อโคเคน จากผู้ต้องหา 25 กรัม จำนวน 62,500 บาท ต่อมาสายลับนัดเวลาส่งมอบยาเสพติดบริเวณบาร์แห่งหนึ่ง ถนนเลียบหาดละไม ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี จากนั้นผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์(จยย.)เข้ามาด้านหลังบาร์ก่อนส่งมอบยาเสพติดให้แก่สายลับเรียบร้อยแล้วจึงเข้าจับกุมแต่ผู้ต้องหาไหวตัววิ่งขี่จยย.ออกไป เจ้าหน้าที่จึงกระโดดขวางรถมอเตอร์ไซด์และควบคุมตัวไว้ได้ทันพร้อมขอตรวจค้นตัวนายแมตติโอ พบธนบัตรที่ใช้สำหรับล่อซื้ออยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้า และพบยาเสพติด (โคเคน) อยู่ในกระเป๋า กางเกงด้านหลังขวา และยังพบยาเสพติด (โคเคน) ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงในขณะจับกุมทั้งหมดรวมน้ำหนัก 31 กรัม จากนั้นนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 105/23 ม.3 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นร้านธุรกิจให้เช่ารถมอเตอไซด์ชื่อบริษัท วาสนา มอเตอร์ไบท์ จากัด ของนายแมตติโอ พบรถจยย.สำหรับให้เช่า 70 คัน สมุดบัญชีเงินฝาก 8 เล่ม ยอดเงินหมุนเวียนรวมกว่า 8,000,000 บาท และเงินสด 1,095,000 บาท จึงยึดและอายัดทรัพย์สินส่งสำนักงาน ป.ป.ส.ภ.8 เพื่อดำเนินการ
จากนั้น ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของนายแมตติโอ ในเชิงลึกพบว่าถือครองบริษัทวาสนา มอเตอร์ไบท์ จำกัด โดยมี นายแมตติโอ, น.ส.วาสนา (สงวนนามสกุล) และนางจิรวรรณ (สงวนนามสกุล) เข้าร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 51 ต่อ 49 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานการลงทุน พยานเอกสารและหลักฐานอื่นรวมทั้งสอบถ้อยคำพบว่าบุคคลสัญชาติไทยทั้ง 2 ราย ไม่ได้นำเงินเข้าร่วมในธุรกิจดังกล่าวและไม่ทราบถึงการดำเนินการในธุรกิจดังกล่าวเลย โดยได้รับการร้องขอจากนายแมตติโอ ให้ช่วยเหลือเอาชื่อมาใส่ในนามผู้ถือหุ้นเพื่อให้ตนเองได้ประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งเงินที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมด เป็นของนายแมตติโอ และเป็นผู้รับผลกำไรแต่เพียงผู้เดียว จึงรวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ใดำเนินคดีกับ น.ส.วาสนา ฐานความผิด เป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และให้ดำเนินคดีกับนายแมตติโอ ฐานความผิด เป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อให้ตนประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ตามมาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของ คนต่างด้าว พ.ศ.2542
จากพฤติการณ์ดังกล่าวนายแมตติโอ เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรแต่งงานกับภรรยาชาวไทย โดยเปิดกิจการเช่ารถมอเตอร์ไซด์บังหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่ามีกิจการเป็นที่มั่นคง ปิดบังอำพรางการได้มาซึ่งทรัพย์สินจากการขายยาเสพติด จากการสอบถามนายแมตติโอ ให้ข้อมูลว่าติดต่อซื้อยาเสพติดมาจากกลุ่มคนต่างชาติด้วยกันแล้วนำมาแบ่งขายหรือที่ภาษาในหมู่นักขายยาใช้คำว่า “จอยส์” ขายให้กับคนต่างชาติตามสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน และให้ข้อมูลกลุ่มคนต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปสู่ต้นทางของยาเสพติดที่ระบาดในหมู่นักท่องเที่ยวต่อไป
สตม. จับโคลัมเบียหนีซุกไทย หลังก่อเหตุปล้นที่มาเลเซียกว่า 70 ล้านบาท อีกคดีจับต่างชาติค้ายา-จดทะเบียน บ.นอมินี
RELATED ARTICLES