นายกฯ ตรวจเยี่ยมมอบนโยบาย ตชด.

 

ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปมอบนโยบาย และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติราชการ มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข  รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บังคับหน่วยตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศร่วมรับฟังนโยบาย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจแถวกองเกียรติยศ และทำความเคารพอนุสาวรีย์ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ กาอนมอบนโยบายแก่ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ห้องวิปุลากร อาคารจุลละพราหมณ์  พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนนำเสนอภารกิจและผลการปฏิบัติของหน่วย ทั้งมิติด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ด้านความมั่นคง ด้านพัฒนาสังคม โดยเฉพาะโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 222 แห่งตั้งอยู่แนวชายแดนทั่วประเทศ

 

นายเศรษฐากล่าวว่า ขอชื่นชมตำรวจชายแดนเป็นหน่วยตำรวจที่ทำภารกิจหลายมิติ แต่สังคมไม่ค่อยรับรู้ ทั้งมิติด้านการดูแลความมั่นคงชายแดนของประเทศ ภารกิจด้านการป้องกัน ปราบปราม สกัดกั้นอาชญากรรมตามแนวชายแดน โดยเฉพาะยาเสพติด สินค้าหนีภาษี สินค้าเกษตร นอกจากนี้ยังมีภารกิจด้านการพัฒนาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ส่งผลกระทบเชิงบวกในด้านเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่นการสกัดกั้นยางพาราจากนอกประเทศ ส่งผลทำให้ราคายางขึ้นผลดี สินค้าเกษตรหลายอย่างราคาดีขึ้น ส่งผลดีด้านปากท้องของประชาชน ขณะที่ภารกิจในด้านความมั่นคงที่ควบคู่กับการพัฒนาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ขอให้เสริมอีก ให้คู่สมรสเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ผูกมิตรกับชาวบ้าน จะทำให้สามารถทำงานในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น

“เรื่องสำคัญคือเรื่องยาเสพติดซึ่ งเป็นปัญหาใหญ่สำคัญเทียบเรื่องปากท้อง ยาบ้าทะลักเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ตำรวจทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เสียสละเวลา เสี่ยงต่ออันตรายทั้งหลาย เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ซึ่งทราบกันดีว่า 90% ของยาเสพติดมาจากต่างประเทศ การป้องกัน สกัดกั้นจึงเป็นงานที่ท้าทาย ขอให้ทำต่อเนื่อง และประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ โดยไม่มีเส้นแบ่ง ทำงานร่วมกันจะได้จัดการเรื่องยาเสพติดให้สิ้นซาก รัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อน มี จังหวัดนำร่องคือ  น่าน และ อยเอ็ด ขอให้ช่วยกันทำ ในการสกัดกั้น ปราบปราม ตั้งเป้าว่าสิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ จะเห็นเป็นรูปธรรม ชีวิตพี่พี่น้องประชาชนจะได้อยู่เย็นเป็นสุข” นายกรัฐมนตรีว่าและยืนยัน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณให้ภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดน โดยเฉพาะสวัสดิการของกำลังพล อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เสื้อเกราะ เครื่องมือต่าง ๆ ที่จะสามารถให้เป็นต่อกับผู้ร้าย รัฐบาลยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่

 

หลังจากนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะนำนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเดินสำรวจแฟลตพักอาศัยของตำรวจตระเวนชายแดนที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมีอยู่ 8 อาคาร นายกรัฐมนตรีห่วงใยสวัสดิการของตำรวจ สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสำรวจความต้องการ และเสนองบประมาณในการจัดสร้าง ปรับปรุงแฟลต บ้านพัก รวมทั้งจัดหาเครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น ส่งให้รัฐบาล โดยจะดำเนินการจัดสรรให้อย่างเหมาะสม รวมทั้งเน้นย้ำให้ตำรวจตระเวนชายแดนไปกำหนดแนวทางเพื่อยกระดับสวัสดิการครูตำรวจตระเวนชายแดนและพัฒนาคุณภาพของครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนด้วย

ด้าน พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนประณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนกล่าวว่า ได้ดำเนินงานตามสั่งการ 11 ข้อของนายกรัฐมนตรี ที่ให้นโยบายแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567อย่างเข้มข้น กำชับให้กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 – 44 เพิ่มความเข้มในการลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดน ช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามต่าง ๆ ทั้งในเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ป้องกันและสกัดกั้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการลักลอบลำเลียงยาเสพติด สิ่งของ สินค้าผิดกฎหมายทุกชนิด เช่น ยางพารา เนื้อสุกร สินค้าหนีภาษีต่าง ๆ

ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนเผยอีกว่า กำชับให้กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ และกองบังคับการฝึกพิเศษ จัดกำลังพล ยานพาหนะ และอาวุธยุทโธปกรณ์ สิ่งอุปกรณ์ที่จำเป็น เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติ  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567  ปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามสกัดกั้นอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติการการลาดตระเวนพื้นที่ จำนวน 12,638 ครั้ง ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด จำนวน 15,079 ครั้ง และมีผลการปฏิบัติในการปราบปรามอาชญากรรม 6 กลุ่ม ดังนี้

1. การปราบปรามผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลการจับกุมทั้งสิ้น 3,763 ราย (คดี) ผู้ต้องหา 4,112 คน ของกลาง ยาบ้า 266,861,061 เม็ด ไอซ์ 2,399.55 กิโลกรัม ฝิ่น 95.88 กิโลกรัม เฮโรอีน 266.01 กิโลกรัม

2. การปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง มีผลการจับกุมทั้งสิ้น 750 ราย(คดี) ผู้ต้องหา 3,164 คน ( จำแนกสัญชาติต่าง ๆ ดังนี้ สัญชาติเมียนมา 2,404 คน, สัญชาติลาว 313 คน, สัญชาติกัมพูชา 279 คน และสัญชาติอื่น ๆ 168 คน )

3. การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีผลการจับกุมทั้งสิ้น 283 ราย (คดี) ผู้ต้องหา 109 คน มูลค่าความเสียหาย 18.64 ล้านบาท ไม้ของกลาง ได้แก่ ไม้พะยูง, ไม้สัก, ไม้กระยาเลย และไม้ชนิดอื่นๆ รวม 592 ลูกบาศก์เมตร

4. การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด มีผลการจับกุม 529 คดี ผู้ต้องหา 532 คน ( ของกลาง เป็นอาวุธปืนชนิดต่าง ๆ รวม 545 กระบอก, ระเบิดขว้าง 4 ลูก, เครื่องยิงลูกระเบิด 29 กระบอก และกระสุนปืน 11,589 นัด )

5. การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าหลบหนีภาษีศุลกากร มีผลการจับกุม 173 คดี ผู้ต้องหา 144 คน ( ของกลาง ได้แก่ บุหรี่ 35,460 ซอง, สุรา 24,572 ขวด, ข้าวเปลือก 1,502 กก., น้ำมันเบนซิน 4,301 ลิตร., น้ำมันดีเซล 6,680 ลิตร, รถยนต์ 28 คัน และรถจักรยานยนต์ 90 คัน )

6.การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีผลการจับกุม 39 คดี ผู้ต้องหา 12 คน ของกลาง รถยนต์ 33 คัน และจักรยานยนต์ 51 คัน

RELATED ARTICLES