บก.ปปป.-ปปท.-ปปช.-ปปง ดึง สตง. ผนึกกำลังประกาศสงคราม ปรามปรามเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตเงินแผ่นดิน 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมด้วย นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ (ป.ป.ช.) นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ (ป.ป.ท.) ,พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2  ร่วมหารือแนวทางบูรณาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบด้านการเงินและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก 3 ปี ที่ผ่านมา ทาง ป.ป.ช. ,ป.ป.ท. , ป.ป.ง. และ ตำรวจ บก.ปปป. หรือ ที่เรียกกันว่ากลุ่ม 4 ป. มีการจับกุมผู้กระทำผิดทุจริตในมิติต่างๆ มากมาย แต่ปัจจุบันพบว่าการทุจริตทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตเงินงบจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งทางเราได้ให้ความสำคัญ พยายามเร่งแก้ไขอย่างรวดเร็ว จึงเป็นที่มาในการหารือร่วมกัน โดยมี สตง. เข้ามาร่วมบูรณาการด้วยอีกหน่วยงาน ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจสอบสวนกลาง เรามี บก.ปปป. เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ซึ่งในอดีตอาจจะเป็นการทำงานเชิงรับ แต่ปัจจุบันยกระดับขึ้นมาให้เป็นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น มีล่อซื้อจับกุม อีกทั้งยังให้ความสำคัญในการประสานข้อมูลทำงานร่วมกันกับหน่วยงานอื่นๆ อย่าง กลุ่ม 4 ป. เพราะอย่างที่บอก บางหน่วยอาจมีข้อมูลหรือความชำนาญ เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่ขาดเรื่องอื่น จึงจำเป็นต้องร่วมมือกัน เพราะอาชญากรรมสมัยนี้ ไม่ได้มีแค่ด้านเดียว

 

“การได้ สตง. เข้ามาบูรณาการร่วมกันเพิ่มอีกหน่วย จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการทุจริตงบจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่มีมานาน เชื่อว่าการร่วมมือกันของ 5 หน่วยงานจะช่วยทำให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้คนที่คิดจะทำผิดเกรงกลัวต่อกฎหมายไม่กล้าทำผิด”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้ สตง. เข้ามาร่วมงานกับกลุ่ม 4 ป. เพิ่มขึ้นมาอีกหน่วยงานหนึ่ง ทำให้รู้สึกมีพลังขึ้น ที่ผ่านมาการทำงานของกลุ่ม 4ป. จะเน้นการทำงานเชิงรุก มีข้อดีข้อด้อยของแต่ละหน่วย แต่การได้ สตง. เข้ามาเพิ่มจะยิ่งทำให้เข้มแข็งขึ้นไปอีก เพราะ สตง. เป็นหน่วยงานที่คุมการตรวจสอบเงินงบประมาณทั่วประเทศ มีข้อมูลทุจริตค่อนข้างมาก รวมถึงมีการคัดกรองตรวจสอบข้อเท็จจริงมาแล้ว โดยเฉพาะเคสสำคัญที่มีมูลค่าหรือตัวเลขเงินงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะนำมาต่อยอดการทำงานให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

“แม้ว่าการทุจริตจะไม่หมดไปจากสังคม แต่เราต้องป้องกันและปราบปรามให้คนเหล่านี้ลดน้อยลงไป ต้องทำให้เงินภาษีของประชาชนถูกนำไปใช้กับส่วนรวมให้ได้มากที่สุด เชื่อว่าหลังจากนี้จะดีขึ้น เราเดินมาไกล และจะต้องเดินไปให้สุดทาง ใครที่ทุจริตเราจะรื้อมาตรวจสอบให้หมด ส่วนใครที่จะทำผิดก็ขอให้คิดให้เยอะ”

นายภูมิวิศาล กล่าวว่า การบูรณาการกำลังร่วมกัน 5 หน่วยงาน โดยมี สตง. เข้ามาเพิ่มนั้น ถือเป็นมิติใหม่ในการร่วมกันแก้ไข ป้องกัน และ ปราบปราม เดิมที่ผ่านมามักมีคนถามตลอดว่าการจับกุมเป็นอำนาจของใคร วันนี้จึงจำเป็นต้องมารวมตัวกัน ถือเป็นการเสริมพลังพาคนผิดมาลงโทษ “คนที่กำลังคิดจะโกง ขอเตือนไว้เลยว่าคุณจะต้องเจอกับฝันร้ายแน่นอน”

นายเทพสุ กล่าวว่า การทุจริต จัดซื้อจัดจ้าง เป็นความผิดต่อตำแหน่งราชการ ซึ่งมีผลเกี่ยวกับกฎหมายเรื่องฟอกเงิน ยืนยันว่า มาตรการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด ทาง ปปง. ได้ดำเนินการมาโดยตลอด และหลังจากนี้การดำเนินการจะเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการบูรณาการกำลังร่วมกันของ 5 หน่วยงานในการแก้ปัญหาเรื่องทุจริต จะไม่ใช่แค่ฝันร้ายเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดเพียงเท่านั้น แต่ญาติพี่น้อง หรือ คนใกล้ตัว ที่ร่วมกระทำผิดด้วยก็จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าเราจะใช้ทุกมาตรการ และ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง 

ส่วน นายสุขสันต์  กล่าวว่า การได้ สตง. เข้ามาร่วมงานด้วยกัน จะยิ่งทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และ รวดเร็วมากขึ้น เพราะมีข้อมูลการทุจริตงบประมาณโครงการต่างๆมากมาย โดยเฉพาะโครงการใหญ่มูลค่านับพันล้าน รวมไปถึงเรื่องของการทุจริตเงินงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งในส่วนของ ป.ป.ช. ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบการไต่สวนให้ทำงานรวดเร็วเพิ่มขึ้น รวมถึงไปในส่วนของงานสืบสวนตรวจสอบ ที่มีการบรรจุนักสืบสวนเพิ่ม มีครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในอดีต การทำงานของ ป.ป.ช. อาจดูล่าข้า ไม่ทันใจ แต่ในอนาคตจะรวดเร็วยิ่งขึ้น งานตรวจสอบต้องแล้วเสร็จภายใน 90 วัน ส่วนงานไต่สวนต้องแล้วเสร็จภายใน 2 ปี ถ้าช้าจะมีบทลงโทษ

ด้าน นายมณเฑียร กล่าวว่า วันนี้เราเห็นว่าบ้านเมือง ควรได้รับการปกป้องดูแล เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่ผ่านมาเราอาจทำงานต่างคนต่างทำ วันนี้เป็นโอกาสดี ที่กลุ่ม 4 ป. เล็งเห็นความสำคัญว่าควรให้มี สตง. เข้ามามีส่วนร่วมบูรณาการกำลังด้วยเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต เกิดประสิทธิภาพ

“ยืนยันว่าต่อไปนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐคนไหนก็ตามที่คิดว่าเงินแผ่นดินทุจริตได้ จะต้องเจอกับฝันร้าย และจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว จากการบูรณาการ 5 หน่วย เราจะไม่จับแค่ปลาซิวปลาสร้อย ตัวการใหญ่ก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเพราะทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งปัจจุบันเรามีข้อมูลที่ส่อไปในทางทุจริตเกี่ยวกับโครงการต่างๆมากมาย โดยเฉพาะการทุจริตโครงการขนาดใหญ่งบประมาณตั้งแต่หลักร้อยล้านบาทไปจนถึงหลักพันล้านบาท โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสาน งบประมาณหลายร้อยล้านบาท ที่มีข้อมูลส่อเค้าว่ามีการทุจริต ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลซึ่งหากตรวจสอบพบว่าผิดจริง ก็จะเร่งประสานหน่วยงานอื่นๆตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย”

RELATED ARTICLES