พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บช.สตม.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง6 พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รองผู้บังคับการสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง5 พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์, พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง6 พ.ต.อ.ชินวุฒิ ต้ังวงษ์เลิศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา พ.ต.อ.อภิเษก ปิศโน ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดน่าน ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเครื่อข่ายลักลอบขนต่างด้าวรายสำคัญสําคัญ 3 คดี
โดยคนดแรก เจ้าหน้าที่ ตม.จว.น่าน ร่วมกับ ตม.จว.สุรินทร์ จับกุม นายหนูเรียง (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับของศาลจังหวัดน่าน ที่ จ.34/2567 ลงวันท่ี 15 มี.ค.2567 ข้อหา รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ได้ที่บริเวณถนนสาธารณะคุ้มวัดกลาง หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตม.จว.น่าน ร่วมกับ นปพ.กก.สส.ภ.จว.น่าน ประจําจุดตรวจห้วยน้ำอุ่น จับกุมนายจิระวัฒน์ อายุ 50 ปี พร้อมคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา จํานวน 6 คน โดย นายจิระวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับงาน จากนายหนูเรียงผู้ต้องหารายนี้ จากต้นทาง อ.เชียงม่วน จ.พะเยา ให้ไปส่งปลายทางบริเวณ ชายแดนบ้านแหลม อ.โป่งน้ําร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งจะได้ค่าจ้างจํานวน 18,000 บาท จึงขอศาลจังหวัดน่านออกหมายจับไว้ กระทั่งสืบทราบว่า นายหนูเรียง ได้หลบหนีมากบดานในพื้นที่ หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จว.สุรินทร์ จึงติดตามจับกุมได้ดังกล่าว และยังพบมีหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง ในลักษณะเดียวกันอีกจํานวน 1 หมาย
คดีต่อมา เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ ตม.จว.ปัตตานี จับกุมนายซัฟยัน หรือบังหยัน อายุ 24 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.455/2567 ลงวันท่ี 5 ก.ค.2567 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพ่ือให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ พ้นจากการจับกุม” จับกุมได้ที่ บริเวณหมู่บ้านปาแดลางา ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา จับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติ บังกลาเทศหลบหนีเข้าเมือง 19 คน พร้อมผู้ให้การช่วยเหลือ 2 คน ได้ที่ถนนสายเอเชียพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ก่อนขยายผลจนทราบว่า นายซัฟยัน หรือบังหยัน ผู้ต้องหารายนี้ อยู่เบื้องหลังการกระทําความผิด คร้ังนี้ และเป็นกลไกสําคัญระดับสั่งการในการลําเลียงแรงงานต่างด้าวสัญชาติ บังกลาเทศจากประเทศกัมพูชาผิดกฎหมายผ่านประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซียทางช่องทางธรรมชาติจึงศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับไว้ ต่อมาสืบทราบว่า นายซัฟยัน หลบหนีกบดานอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว “การจับกุมเครือข่ายของนายนายซัฟยัน หรือบังหยัน ครั้งนี้ถือเป็นการตัดวงจรสําคัญในการขนแรงงานผ่าน ประเทศไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจสามารถดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิดต้ังแต่ต้นทางยันปลายทางได้ถึง 62 คน เป็นคนไทย 10 คน คนต่างด้าว 52 คน ตรวจยึดยานพาหนะท่ีใช้ในการกระทําความผิดได้ 8 คัน”
ส่วนคดีสุดท้าย เจ้าหน้าที่ ตม.จ.ชุมพร ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จับกุมนายฮาวาย (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.247/2567 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ร่วมกัน ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” จับกุม ริมถนน เทศบาล 4 ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จว.ปทุมธานี เนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะ (ตู้ทึบ) ขนคนต่างด้าว ชาวเมียนมาพลิกควำ่าบริเวณ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร ที่เกิดเหตุพบคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จํานวน 18 คน (ได้รับบาดเจ็บ) ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นายสิทธิศักดิ์ หรือบาส (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ต่อมาสืบสวนขยายผลพบว่า มีรถที่ไปรับคนต่างด้าวด้วยกันอีก 1 คัน คือ นายธีรพงษ์ ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้าแล้ว จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ นายธีรพงษ์ พบว่าได้รับโอนเงินค่าน้ำมันมาจากนายฮาวาย จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับนายฮาวาย และจับกุมตัวนายฮาวายได้ในพื้นที่ จว.ปทุมธานีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากแนวทางสืบสวน พบว่า นายฮาวาย ได้รับการประสานจากนายหน้าในพื้นที่ จว.กาญจนบุรี โดยนายฮาวาย ทําหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหา รถขนคนต่างด้าว จากพื้นที่ภาคกลางไปยังพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับเครื่อข่ายของนายอนุรักษ์ หรือบอย ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้อีกด้วย ก่อนนําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย จว.ชุมพร ดําเนินคดีต่อไป
