พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อดุลย์ ดอกพวง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ กก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.นิทัสน์ มีทอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รองสว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมตัว นายทองใบ หรือแอร์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1339/2565 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2565 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อพาทรัพย์หลบหนี หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือรับของโจร” จับกุมได้ที่ ห้องเช่าไม่มีเลขที่ กลางซอยเฉลิมพระเกียรติ 65 แยก 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
เนื่องจาก วันที่ 26 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรชื่อดังย่านลำผักชี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี หลังถูกคนร้ายลักลอบเข้ามาตัดสายไฟนับ 10 หลัง ความเสียหายหลายแสนบาท ทำให้ไม่สามารถส่งมอบบ้านได้ทันกำหนด หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายทองใบ หรือเสือแอร์ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นขี้ยาตระเวนลักเล็กขโมยน้อยละแวกดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อศาลอาญามีนบุรีอนุมัติหมายจับแล้ว นายทองใบฯ กลับหายตัวเข้ากลีบเมฆ ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีว่า นายทองใบ หรือเสือแอร์ เป็นขาใหญ่ จำหน่ายยาเสพติดให้กับวัยรุ่นในชุมชนย่านประเวศ ภายในซอยอ่อนนุช 65 แยก 4 ถนน ถนนอ่อนนุช (ซอยสุขุมวิท 77) จึงลงพื้นที่เข้าจับกุม แต่นายทองใบฯ ไหวตัวทัน กระโดดชั้น 2 หลบหนีไปได้อีกครั้ง ทิ้งให้ น.ส.มณทิราฯ แฟนสาว ถูกจับกุม พร้อมของกลางยาบ้ารวมจำนวนกว่า 812 เม็ดและยาไอซ์รวมกว่า 6.18 กรัม โดยน.ส.มณทิรา ให้การว่าของกลางทั้งหมดเป็นของ นายทองใบ หรือเสือแอร์ กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายทองใบ หรือเสือแอร์ หนีกบดานกับแฟนใหม่อยู่ที่ซอยเฉลิมพระเกียรติ 65 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานครฯ จนนำมาสู่การจับกุมตัวดังกล่าว
สอบสวน นายทองใบ หรือ “แอร์ ประเวศ” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่า ตนติดยาเสพติดอย่างหนัก ไม่มีเงินซื้อ เมื่อผ่านบ้านจัดสรร โครงการใหม่ จึงไปลักตัดสายไฟมาขายได้เงิน 4,000 กว่าบาท นำเงินมาซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ จากนั้นก็หนีมาตลอด จนปัจจุบันเป็นขาใหญ่ของย่านประเวศ และมักจะมีคนรู้จักมาขอซื้อยาเสพติดจากตน แต่เห็นช่องทางหาเงินจึงไปรับซื้อยาเสพติดจาก ชายที่อยู่ในชุมชนแถวกองขยะใน ราคาเม็ดละ 30 บาท จากนั้นนำมาแบ่งขายให้วัยรุ่นย่านประเวศในราคา เม็ดละ 50 บาท จากการตรวจประวัติพบมี หมายจับศาลอาญาพระโขนง ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า และยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้าฯ” อีก 2 หมายจับ และเคยถูกดำเนินคดี ครอบครองเพื่อจำหน่าย , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน อีก 8 คดี จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ลำผักชี ดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “การเสพและจำหน่ายยาเสพติดมีอัตราโทษที่สูง ถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ยาเสพติดเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน ภัยร้ายของยาเสพติดนั้น มิได้เกิดขึ้นและส่งผลกระทบเฉพาะตัวของผู้เสพเท่านั้น แต่ส่งกระทบต่อบุคคลในครอบครัว คนใกล้ชิด รวมถึงคนที่เรารัก ยังสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ดังเช่นกรณีในครั้งนี้ผู้ต้องหาเริ่มจากเป็นผู้เสพยาเสพติด ตะเวนลักทรัพย์จนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนผู้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข จากนั้นผู้ต้องหาหันมาจำหน่ายยาเสพติดในชุมชน จำหน่ายไปนับหมื่นเม็ด ทำลายอนาคตของวัยรุ่นในชุมชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และยังเป็นจุดเริ่มต้นอาชญากรรมในชุมชนนั้นๆอีกด้วย