ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจโครงการชุมชนยั่งยืน
พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายสมบัติ ไตรศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พล.ต.ท.นพดล ศรสำราญ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ หัดหกล้า ที่ปรึกษากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.สุขาติ คล้ายจันทร์พงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ พ.ต.อ.พิชิต มีแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ นพ.วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ นางพิมพ์พิศา ศรีธรรมา ผู้อำนวยการสำนักงานฝีมือแรงงานชัยภูมิ และ นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผู้อำนวยการสำนักงาน ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 3 พร้อมคณะทำงานในโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ลงพื้นที่ตรวจผลการปฏิบัติโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในพื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดสูงสุด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
โครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนเป็นการค้นหาผู้เสพยาเสพติดในชุมชน และนำเข้าสู่กลไกการบำบัดด้วยความสมัครใจ มีการบูรณาการกำลังจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ได้แก่ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น และสาธารณสุข
ในทุกขั้นตอนของการบำบัดจะให้ชุมชนเข้ามีส่วนร่วมรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการ “คืนผู้เสพกลับสู่ชุมชน”
อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิทำ 2 โครงการ ได้แก่ ตำบลละหาน (โครงการระดับตำบล) ดำเนินการตั้งแต่ 18 ธันวาคม 2566 ถึง 31 พฤษภาคม 2567 และพื้นที่ชุมชนหมู่ 3 ตำบลกุดน้ำใส (โครงการระดับหมู่บ้าน) ดำเนินการตั้งแต่ 10 มิถุนายน 2567 ถึง 10 กันยายน 2567
ผลการดำเนินการของทั้ง 2 โครงการถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
ผู้ที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญได้แก่ฝ่ายปกครอง คือ นายเดช เสนาะคำ นายอำเภอจัตุรัสที่ให้ความสำคัญของโครงการ และเข้ามาบริหารจัดการ สนับสนุนการดำเนินการทุกขั้นตอน ดำเนินการไปพร้อม พ.ต.อ.อาทิตย์ ฉัตรชัยรัตนเวช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจัตุรัส เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในโครงการ
โดยเฉพาะของตำบลละหานนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะได้รับการประเมินผลจากคณะกรรมการของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็น “ตำบลดีเด่นต้นแบบ” อันดับหนึ่งของประเทศจากจำนวนตำบลที่ร่วมโครงการทั้งหมด 100 ตำบล
สามารถค้นหาผู้เสพเข้าร่วมการบำบัดฟื้นฟูได้รวมทั้งสิ้น 240 ราย และมีผู้เสพที่ผ่านการบำบัดในโครงการ “กลับคืนสู่ชุมชน” ได้รับใบรับรองจากแพทย์ตามกฎหมายรวมจำนวน 96 ราย ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการประเมินของแพทย์ คาดว่าจะมีผู้ผ่านการบำบัดเพิ่มขึ้นอีก
พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังเปิดเวทีหารือร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกัน “ถอดบทเรียน”ความสำเร็จนำแนวทางปฏิบัติของ อำเภอจัตุรัส ไปเป็นตัวอย่าง “ชุมชนต้นแบบ” ในการขับเคลื่อนโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในอนาคต
พบปัจจัยความสำเร็จสำคัญที่สุด คือ ความร่วมมือกันของหน่วยงานภาคีทั้ง ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน พร้อมทั้งการแสวงหาความร่วมมือเพิ่มเติมจากองค์กรภาคเอกชน เช่น ทุนประกอบอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัด
นอกจากนั้น ยังมีการดำเนินการ นรูปแบบ “อสม.บัดดี้” ดูแลผู้บำบัดอย่างใกล้ชิดแบบ 1 ต่อ 1 การจัดกิจกรรมบำบัด ด้านฝึกอาชีพ ได้รับความร่วมมือจากแรงงานจังหวัด จัดกิจกรรมฝึกอาชีพที่ทำให้ผู้บำบัดสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้จริง
กิจกรรมบำบัดทางการแพทย์ (CBTx) มีแพทย์ที่ทำการรักษาเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง และหนังสือรับรองผู้ผ่านการบำบัด จะต้องออกโดยโรงพยาบาลจัตุรัส และลงนามโดยแพทย์ และจัดประชุมติดตามการปฏิบัติทุกสัปดาห์
นายอำเภอเป็นประธานการประชุมด้วยตัวเองทุกครั้ง
ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลสำเร็จต่อโครงการ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชุมชนจนสามารถขยายพื้นที่ดำเนินการได้และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคนในชุมชน
“เป้าหมายสำคัญที่สุดของโครงการ คือ ผู้เข้าร่วมบำบัดในโครงการต้องหาย ไม่กลับไปเสพยาเสพติดอีก” พล.ต.ท.นิรันดรให้เหตุผลความสำเร็จของโครงการก็จะส่งผลดีกลับไปยังชุมชนเอง เป็นการช่วยลดปัญหาอาชญากรรม ลดปัญหาสังคมในชุมชน
ป้องกันไม่ให้เกิด “ผู้เสพหน้าใหม่” ขึ้นในชุมชน ป้องกันเยาวชนไม่ให้เข้าสู่วงจรยานรกได้อีกด้วย
ทำให้ชุมชนสามารถดูแลชุมชน พึ่งพาคนในชุมชนกันเอง
ถือเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างเต็มรูปแบบ