ก้าวเป็นแม่ทัพเคียงข้างกายนายหญิง
สุดท้าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ว่าที่ “เจ้าสำนักปทุมวันคนใหม่” จะมีอำนาจเต็มไม้เต็มมือในการจัดสำรับเลือกขุมกำลังเป็นมือไม้ให้ตัวเองแค่ไหน
จับตาบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ- ผู้บังคับการ ทั่วประเทศคิวต่อไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมานั่งหัวโต๊ะประชุมร่วมพิจารณากับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ
สำนักงานกำลังพลคลอดลำดับอาวุโสมาแล้วแม้จะยังไม่เป็นทางการ
เก้าอี้ว่างรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมี 4 ตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับปี 2565 กำหนด “กฎเหล็ก” ให้เลื่อนลำดับตามอาวุโสไม่ต้องเสียเวลา “วิ่งเต้น” ออกแรงใช้ “เส้นสาย”
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ย่อม “แบเบอร์” ขยับจากผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะว่าง 7 ตำแหน่ง ต้องเรียงคิวกลุ่มผู้บัญชาการอาวุโสเลื่อนขึ้นเสียบแทน ประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา หัวหน้าจเรตำรวจ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ท.สราวุธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4
ส่งผลให้ตำแหน่งระดับผู้บัญชาการระลอกนี้ว่างถึง 14 ตำแหน่ง บวกการเกษียณอายุราชการของ พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท. ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท. คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท. ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พล.ต.ท. นิตินันท์ เพชรบรม จเรตำรวจ พล.ต.ท. สุนทร เฉลิมเกียรติ จเรตำรวจ และพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ตัดสินใจลาออก
ไม่รับรวม พล.ต.ท.วัชรินทร์ พิภพมงคล แพทย์ตำรวจ เพราะเป็นตำแหน่งเฉพาะทาง
เก้าอี้ทองจะถูกจับจ้องและจับจองกันตาเป็นมัน
แต่ต้องไม่ลืมพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ที่ระบุข้อบังคับไว้ชัดเจนต้องกันโควตาให้กลุ่มอาวุโส 50 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้น พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.วราวุธ สกลธนารักษ์ รองผู้บัญชการสำนักงานตรวจสอบภายใน พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.ไพศาล ลืมสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จะได้ขยับขึ้นติดยศ พล.ต.ท. อย่างแน่นอน
ที่ไม่แน่นอน คือ ยากจะเลือกตำแหน่งตามชอบ
เหลืออีก 7 ตำแหน่งให้ขับเคี่ยวแข่งขันกันสนุก แต่น่าจะทุกข์ใจสำหรับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร แม่ทัพใหญ่ เมื่อ “นายใหญ่” เก็บบัญชีไปอยู่ในกำมือหมดแล้ว
เพราะการจัด “สำรับทัพสีกากี” เที่ยวนี้ว่ากันว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องวางตัว “คนไว้ใจ” เพื่อไม่ให้ลูกสาวสุดที่รัก “เสียรังวัด”
ถนนทุกสายถึงมุ่งสู่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ฉายแสงอำนาจแท้จริง
ถึงขนาด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังต้องควง นายเนวิน ชิดชอบ บ้านใหญ่ปราสาทสายฟ้าไปนั่งกินข้าวเป็น “กาวใจ” เคลียร์เรื่องราวในอดีต
ขณะเดียวกันถือโอกาสหนีบรายชื่อขอ “ฝากนายพล” เบียดคนของ “นายใหญ่” มาคุมพื้นที่ “อีสานใต้” ถิ่นเกิดตัวเอง
น่าเสียดายนายพลคนทำงานต้องก้มหน้ารอพ่ายแพ้ความผิดหวังต่อไป
หากไร้ “ตั๋วนายใหญ่” การันตีลงสนาม