ใกล้ได้เวลาลั่นระฆังส่งสัญญาณจัดสำรับ
รอเพียง “นายหญิง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเป็น “ผู้เคาะ” วันดีเดย์ประชุมพิจารณาแต่งตั้งบัญชีรายชื่อนายพลสีกากีระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ-ผู้บัญชาการ ทั่วประเทศ
ขยักแรกไม่น่าเกินสัปดาห์หน้าของเดือดพฤศจิกายน 2567
เก้าอี้ รองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติว่าง 4 ตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติปี 2565 ระบุกฎเหล็กชัดเจนต้องเลื่อนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามลำดับอาวุโสร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่มีที่ว่างสำหรับพวกหวังแตกแถวแซงคิว
ดังนั้น พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข พล.ต.ท.นิรันดร เหลี่ยมศรี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ย่อม “แบเบอร์” จ่อรับพระราชทานยศ พล.ต.อ.แน่นอน
เช่นเดียวกับหลักเกณฑ์พิจารณาเลือกผู้บัญชาการขึ้นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.ธนพล ศิริโสภา หัวหน้าจเรตำรวจ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ท.สราวุธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ต้องขยับเลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
หมดสิทธิต่อรองขอ “ต่ออายุ” เนื่องจากเป็น “กฎเหล็ก” ของกฎหมาย
น่าสนใจตำแหน่งผู้บัญชาการหลายหน่วยมีตำแหน่งว่าง 14 เก้าอี้ไม่รวมตำแหน่งเฉพาะทางของนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติกำหนดให้ “รองผู้บัญชาการ”กลุ่มอาวุโส 50 เปอร์เซ็นต์
ทำให้ พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.วราวุธ สกลธนารักษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจสอบภายใน พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.สุรจิต ชินวรรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้สิทธิขึ้นติดยศ พล.ต.ท.อัตโนมัติ
แต่ต้องฟาดฟันเลือกทำเลกันเอาตามบุญวาสนา
ว่ากันว่าอำนาจการเมืองคัดสรรคนของตัวเองเสียบ “แม่ทัพทำเลทอง” ที่หลายคนจับจ้องจับจองกันตาเป็นมันหมดเกลี้ยงแล้ว
อาวุโส ความความรู้ ความสามารถ เป็นเพียงเศษกระดาษยื่นใบประกาศลม ๆ แล้ง ๆ หากไร้ “ตั๋วฝาก” จากผู้กุมอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายที่แท้จริง
ผู้สันทัดกรณีคาดเดากันสนุกว่า คนนั้นคนนี้จะไปนั่งตรงนั้นตรงนี้ เพราะมีผู้ใหญ่เบอร์ต้นคอยเกื้อหนุนจุนเจือ
ตำแหน่งว่างของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ส่ง “กลิ่นหอมฟุ้ง” กระจายทั่วทุ่งปทุมวัน
ขึ้นอยู่กับที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจจะเป็น “ตะแกรงเหล็ก” ร่อนของร้อนคัดคนเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ตรงกับเนื้องานมากน้อยแค่ไหน
น่าเสียดายมีข่าวจะแก้ปัญหาสกัดคนทำงานอาวุโสน้อยขึ้นตำแหน่งใหม่ไปอยู่บนเก้าอี้ประจำก่อนเพียงเพื่อตัดทอนโควตา “คนของนาย” ออกจาก “เกมเก้าอี้ดนตรี” เบียดที่นั่ง
เท่ากับพวกเขาต้องเสียเวลา “หายใจทิ้ง” อย่างน้อย 1 ปีแทนที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
เพราะคนของใคร และเพื่ออะไร….ตอบที