ทำเอาแฟนคลับลุ้นใจหายใจคว่ำ
คดีความอาญายังไม่พิจารณาความผิดกลับเจอข่าวอิทธิฤทธิ์คณะอนุกรรมการศาลปกครองสูงสุดลงมติพิจารณากรณีคำสั่ง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จ่อเยียวยาคืนสิทธิกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเองเดิม
กระนั้นก็ตามต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ที่มี นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด นั่งหัวโต๊ะนำประเด็นข้อกฎหมายในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ สมัยดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ นายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อศาลปกครองสูงสุด
ร่วมกันให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าสู่การพิจารณา
ท่ามกลางการจับตาของสื่อมวลชนจำนวนมาก ตลอดจนการติดตามข่าวเกาะติดของกำลังพลกองทัพสีกากีทั้งทุ่งปทุมวัน
เสมือนเกมชี้เป็นชี้ตายชี้อนาคตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเดินไปในทิศทางใด หากผลวินิจฉัยชี้ขาดเป็น “คุณ” แก่นายพลเจ้าของ “ค่ายหวานเจี๊ยบ”
ย้อนลำดับความก่อนหน้า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ฟ้องว่า ขณะที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567
ให้ออกจากราชการไว้ก่อน
กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMASTER จนถูกดำเนินคดีอาญาและถูกศาลอาญาออกหมายจับ
ในความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน
เจ้าตัวเห็นว่าคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ แต่มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอคุ้มครองชั่วคราว
จำเป็นต้องพึ่งศาลปกครองสูงสุดช่วยเป็น “ท่อต่อลมหายใจ” ในอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ภายหลังการประชุมใหญ่องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด ปรากฏว่า ทุกคนต่างปฏิเสธจะเปิดเผยผลการประชุมชี้ขาด อ้างเหตุผลเป็น “ความลับ” ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
ต้องรอองค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวนออกเป็นคำสั่ง หรือคำพิพาษาถึงคู่กรณีที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
สำนักงานศาลปกครองยังมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายนดำเนินการตรวจสอบสื่อมวลชนรวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการนำเสนอข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการหมิ่นและละเมิดอำนาจศาลเพื่อดำเนินคดีต่อไป
รูดซิบปิดปากเงียบไม่สนกระแสสังคมที่ติดตามอย่างใกล้ชิด
มีแต่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เท่านั้นจะรู้ชะตาชีวิตตัวเอง