พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบส่วนกลาง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.ปทักษ์ ขวัญนา รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.เจษฎา แก้วจาเครือ, พ.ต.ท.เอนก บุญตา รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.อัคนี ณ บางช้าง สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม จับกุม น.ส.อรพรรณฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 397/2567 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ข้อหา“ผู้ใดเปิดหรือยินยอนยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีลิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือทั้งก่อนหรือขณะกระทำความผิดในการร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันสนับสนุนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงน้ำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จับกุม หน้าบ้านพักภายในสวนผลไม้ ม.11 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี
ผู้เสียหายต้องการหารายได้เสริมหลังเลิกงาน จึงได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับงานผ่านทางแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก จนกพบกับเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กของคนร้ายที่ประกาศรับสมัครหาคนทำงานเกี่ยวกับการแพ็กสินค้า เมื่อผู้เสียหายเห็นจึงเกิดความสนใจและได้ส่งข้อความเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับงานดังกล่าว แต่คนร้ายตอบกลับว่า งานดังกล่าวเต็มแล้ว เหลือแต่งานให้กดถูกใจในแอปพลิเคชัน TIKTOK หากทำได้ก็จะมีรายได้โอนเข้ามาในบัญชี ผู้เสียหายจึงเกิดความสนใจที่จะทำงานดังกล่าว ต่อมาคนร้ายได้ผู้เสียหายว่า มีรายได้จากการกดถูกใจลิงก์เป็นเงิน 70 บาท ผู้เสียหายจึงยืนยันการถอนเงิน พบว่ามีเงินจำนวน 70 บาท เข้าบัญชีจึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ต่อมาคนร้ายได้ชักชวนผู้เสียหายร่วมทำภารกิจพิเศษผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินจำนวน 1,000 บาท ผู้เสีย แต่เมื่อเติมแล้วคนร้ายแจ้งว่ายอดเงินเติมไม่พอที่จะทำภารกิจพิเศษ ต้องเติมเพิ่มอีก 18,000 บาท และอ้างเหตุผลต่างๆนานาจนผู้เสียหายโอนเงิน รวมจำนวนทั้งหมด 10 ครั้ง เป็นเงิน 443,517.50 บาท และได้คืนมาเพียง 820 บาท ผู้เสียหายจึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีจากการสืบสวนพบว่า หลังจากผู้เสียหายถูกหลอกลวง ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของน.ส.อรพรรณฯ ผู้ต้องหา และบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นอีกหลายคนเป็นทอดๆ ในลักษณะ
ของบัญชีม้าจนนำมาสู่การจับกุมตัวดังกล่าว
สอบสวน น.ส.อรพรรณ เบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 343/2567 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ในความผิดในลักษณะเดียวกัน และเมื่อนำชื่อของผู้ต้องหาไปค้นหาในโซเชียลมีเดียพบว่า มีชื่อของผู้ต้องหาถูกประกาศแจ้งเตือนภัยไว้อีกด้วยส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป