พายุมรสุมแต่งตั้ง “นายพลลอตแรก” สงบ ฝุ่นตลบเริ่มจาง
ทิ้งระยะห่างไม่กี่เพลาเพื่อถึงคิวลอตต่อไประดับ รองผู้บัญชาการ ถึง ผู้บังคับการ
สังเกตการณ์จากบัญชีผู้บัญชาการน่าจะรู้ทิศทางในใจของ “ผู้กุมอำนาจ” ไปทางไหน เปลี่ยนขั้วสลับค่ายระวังผิดหวัง “หัวคะมำ” สะดุดเก้าอี้
แต่คงไม่พ้นวิถีวงจรวิบัติ
คนมีของได้สิทธิจับจองเก้าอี้ดนตรี แม้บางทีอาจพลิกล็อกเกิดเซอร์ไพรส์หลายกองทัพหลัก ถึงอย่างไรก็ยังมีคนอยากลิ้มรส “วิ่งเต้น” หาเส้นสายประคับประคองทางเดิน
ล้วนเกิดจากผลพวงคนทำงานไม่ได้ดิบได้ดี ไม่มีอะไรมา “การันตี”ความรู้ความสามารถ “กากบาท” ขีดเส้นตัดอาวุโส “ตกขบวน” กันระนาว
ไม่รู้เอาหลักกฎหมายข้อไหนมาใช้ตัดโควตา
ตัดสิทธิของคนที่มีสิทธิถูกต้องตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฉบับโลกสวย
ย้ำอีกรอบถึงปฏิบัติการ “ชักบันไดหนี” กลุ่มอาวุโสไม่ถึง 4 ปีออกจากเกมกระดานเพื่อสกัด “ตั๋วฝาก” ที่ล้นเต็มหน้าตัก
มีเพียง พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญขาการตำรวจภูธรภาค 5 อาวุโส 3 ปี คนเดียวที่หลุดกับดักไปขึ้นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานนายกรัฐมนตรี
มาตรา 76 ระบุในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่มิใช่ตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะผู้บังคับบัญชาต้องแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในกลุ่มสายงานที่ผู้นั้นมีความรู้ ความชำนาญ หรือความถนัด และมุ่งหมายให้ผู้นั้นได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้าราชการกำหนดในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับสารวัตรขึ้นไปในกลุ่มสายงานใด ให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ความสามารถ ทักษะ ความสมัครใจ และความจำเป็นของทางราชการประกอบกัน และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในหมวดนี้
มาตรา 77 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์
(4) ตำแหน่งผู้บัญชาการและจเรตำรวจจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.ต. หรือ พล.ต.ท.และเคยดำรงตำแหน่งระดับรองผู้บัญชาการ หรือ รองจเรตำรวจมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี
กฎหมายมีไว้ใช้ แต่กลับใช้ “กฎของกู”
ในเมื่อแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้กลุ่มอาวุโสมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์แล้วยังเอามาใช้ตัดเกณฑ์อาวุโสกลุ่มที่เหลืออีก
ยุติธรรมเป็นธรรมไหม
สรุปแล้ว ความรู้ ความสามารถ ผลงาน คือ อะไร ต่อไปใครจะทำงานแลก “โบแดง” แสดงศักยภาพให้ผู้เป็นนายเห็นคุณค่า
ทว่าไร้ราคาเวลาเสนอเลื่อนตำแหน่ง
ยุทธพงษ์ วิชัยดิษฐ์ ผู้ดำเนินรายการมอนิ่งทอล์กทางช่อง FM 99 ยังถามถึงคนนามสกุล “พูลสวัสดิ์” สงสัยทำไมไม่มีชื่อ
“ผมติดตามผลงานเขามานาน” อดีตนักข่าวประจำกรมตำรวจยุค พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นั่งเก้าอี้อธิบดีกรมตำรวจมองขาด
เป็นมุมมองจาก “คนนอกรั้ว” ที่ฉายแสงไปในตัว พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นักสืบระดับอาจารย์รุ่นใหม่ แต่พ่ายความจริงของระบบ
กลบพลังความโดดเด่นเก่งกาจรอบกายด้วยเส้นใต้คำว่า “อาวุโส”
อนาคตคงมีแต่พวกเช้าชามเย็นชามรอคิวเลื่อนเก้าอี้ตามกฎเกณฑ์ “กฎเหล็ก” ของพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
ตัดขาด “นายตำรวจเลือดใหม่” ให้เจริญก้าวหน้า
แล้วจะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานเพื่ออะไร