ย้อนไปถึงวันมอบโยบายบริหารราชการของแม่ทัพคนใหม่
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เน้นย้ำให้ตำรวจทุกนายเปลี่ยนแนวคิด มายด์เซ็ตเป็นความคิดที่อยู่ในตัว
ยกตัวอย่างจากหลายเหตุการณ์นำมาซึ่งความเสื่อมเสียขององค์กร และยังทำให้ประชาชนเสียความรู้สึก พอเห็นตำรวจจะทำมือส่งสัญญาณอย่าเข้ามาใกล้ ไม่อ้าแขนรับ
“ผมจะพยายามทุกอย่าง ทุกวิธีที่จะทำให้ประชาชน อ้าแขนรับตำรวจให้ได้” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐลั่นวาจาพร้อมสั่งการไปยังผู้ปฏิบัติระดับหัวหน้าสถานีต้องกลับไปปรับเปลี่ยนมายด์เซ็ตของข้าราชการทั้งหมดที่จะหันหลังแล้วไม่มองเรื่องสิทธิ มองแต่ผลประโยชน์มิชอบ “ผมพูดเนื้อหาความเป็นจริง บางคนยังใช้เครื่องแบบไปแสวงหาประโยชน์มิชอบด้วยหน้าที่การงาน และนอกเหนือจากหน้าที่การงานที่ไม่ได้เป็นหน้าที่และอำนาจของบางกลุ่ม บางคน”
ดังนั้นมายด์เซ็ตของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องการให้ตำรวจไปปรับทัศนคติ ค่านิยม มายด์เซ็ทของตัวเอง เดินหน้าเพื่อให้ประชาชนเห็นแล้วอ้าแขนรับ กอดด้วยความอุ่นใจที่ต้องเกิดจากสิ่งที่เราทำตัวเองก่อน เอาความคิด เอาอำนาจที่มีจากบทบาทหน้าที่ของตำรวจ กระทำต่อประชาชนให้ได้ว่า ต้องศรัทธาและเชื่อมั่นตำรวจ
เจ้าตัวรับไม่ได้กับคำพูดของชาวบ้านที่ว่าตำรวจเป็นโจร “น้ำตาตกในครับ รับราชการมาถึงบัดนี้ แต่ถูกเปรียบเทียบเช่นนั้น มันรู้สึกสะเทือนเข้าไปข้างใน แล้วมันรับไม่ได้ ดังนั้นทุกท่านที่เป็นหัวหน้าหน่วย นับจากนี้ไป สิ่งอะไรที่มันเกิดขึ้น แล้วมันทำให้เราเสื่อมเสีย ท่านต้องเปลี่ยนทุกอย่าง”
พิทักษ์ 1 ประกาศิตด้วยว่า จุดยุทธศาสตร์ที่เป็นหัวใจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากผู้กำกับ สารวัตรใหญา สารวัตรไม่สามารถนำพาสถานีตำรวจ ให้กลายเป็นจุดที่จะต้องบริการและอำนวยความสะดวกประชาชนจนต้องอ้าแขนรับตำรวจไม่ได้
“ท่านก็อย่าเป็นผู้บังคับการและผู้บัญชาการ”
ยืนยันจะเดินหน้าปรับเปลี่ยนผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผู้กำกับการ สารวัตรใหญ่ สารวัตรให้เป็นอินฟลูเอนเซอร์ ผู้มีอิทธิพลต่อประชาชน โดยการยอมรับของประชาชน จะทำให้ประชาชนไม่ไปหานักจัดรายการ ไม่ไปหาคนที่คิดว่าทำอะไรเพื่อประโยชน์บางอย่าง
เราเป็นตำรวจ แม่ทัพ นายกองทั้งหมดต้องทำตัวเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐว่า “แม้พวกท่านจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความรัก ความเชื่อมั่น และความศรัทธา แต่มันมีค่ามากกว่าเงินตอบแทน”
เป็นแผนการเดินเครื่องขับเคลื่อนทัพปทุมวัน