เหยื่อสีกากีเถื่อน

 

ยังคงไม่ปรับตัวตามคำประกาศิตของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ตำรวจหัวปิงปองลุแก่อำนาจทำร้ายร่างกายชาวบ้านเป็นเรื่องเป็นราวปรากฏเป็นข่าวใหญ่โต

น้องสาว “เหยื่อสีกากีเถื่อน” ตัดสินใจร้องทุกข์ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดี 7 ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร

รุมทำร้ายร่างบาดเจ็บสาหัส

ยืนยันไม่ยอมความแน่นอน

เรื่องเกิดขึ้นขณะผู้เสียหายผ่านด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์อยู่บนถนนประเสริฐมนูกิจที่ตั้งกันเป็นประจำยามค่ำคืน  เธอบอกว่า พี่ชายขับรถเข้าด่านตรวจวัดตามปกติ ไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายจึงขับออกจากด่านตรวจ

ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถจักรยานยนต์ 3 คัน และรถกระบะ 1 คัน ตามมาประกบ บังคับให้ลงจากรถ

พยายามเข้าควบคุมตัว

“พี่ชายพยายามขัดขืนเนื่องจากตัวเองไม่ได้กระทำความผิด แต่ตำรวจกลับใช้กำลังเกินกว่าเหตุ เข้าควบคุมตัวจนได้รับบาดเจ็บ”

อ้างว่า ชายหนุ่มพยายามขับรถแหกด่าน

“แต่เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบจากกล้องบันทึกภาพบริเวณด่านตรวจ กลับพบว่าไม่ใช่รถของพี่ชายที่เป็นผู้กระทำความผิด ก่อนนำตัวพาส่งโรงพยาบาล พร้อมขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น” น้องสาวของเหยื่อระบุ

ทางครอบครัวมองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ  เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขนก่อนหน้า

ตำรวจจราจรกลางทั้ง 7 นายที่ตั้งด่านรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือกระทำตามที่ถูกกล่าวหาจริง

แต่ที่เธอต้องเข้ามาร้องทุกข์กับตำรวจสอบสวนกลางเนื่องจากกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

อยากเรียกร้องให้ตำรวจทั้ง 7 นายเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด และต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย

ลุแก่อำนาจใช้กำลังทำร้ายร่างกายชาวบ้านที่ไม่ได้กระทำความผิด

 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจรทราบเรื่องรีบจัดแจงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 7 นายหยุดปฏิบัติหน้าที่จากหน้าที่เดิม และให้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการจราจร เพื่อรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง

เบื้องต้นเกิดจากความผิดพลาดที่มีรถเก๋งแหกด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ถึงติดตามสกัดจับ

แต่ดันเป็นรถคนละคัน

เรียกว่ากวดขันและขยันจนตาถั่ว

RELATED ARTICLES