พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง สั่งการ พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผู้กำกับการ8กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.ทัตพร เลขะวัฒนพงษ์ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจทางหลวง2 กองกำกับการ8กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.ชยธร ถวิลเพชรสกุล สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง2 กองกำกับการ8กองบังคับการตำรวจทางหลวง พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สารวัตรกองกำกับการ8กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร.ต.อ.จรัญ ทองอินทร์ รองสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง2 กองกำกับการ8กองบังคับการตำรวจทางหลวง นำกำลังจับกุมนายอนุพงษ์ พรรคทิง อายุ 24 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 313/2567 ลงวันที่ 27 ก.ย.67 ข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นในการกระทำผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี ” , นายอนุสรณ์ เมที อายุ 24 ปี ตามหมายจับศาลแขวงขอนแก่น ที่ จ.68/2567 ลงวันที่ 1 มี.ค.67 ข้อหา “ยักยอกทรัพย์” และ นายจักรพันธ์ พิมพ์ศรี อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ699/2566 ลงวันที่ 12 ก.ค.66 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” ได้ริมถนนเพชรเกษม ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.ราชบุรี
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ให้ตรวจสอบ นายอนุพงษ์ และ นายอนุสรณ์ ซึ่งบวชเป็นพระในพื้นที่หลังมีพฤติกรรมเป็นคู่รักชายรักชาย ใช้กุฎิของวัดทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสียให้พระพุทธศาสนา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติทะเบียนอาชญากรรมพบว่า ทั้งคู่มีหมายจับติดตัว จึงนำกำลังจะเข้าจับกุม แต่ทั้งสองได้ไหวตัวทันหลบหนีออกจากทางวัดไป
จากนั้นสืบทราบว่าทั้งสองได้ไปรับจ้างตัดอ้อยในพื้นที่ จ.ราชบุรี จึงนำกำลังตรวจสอบพบผู้ต้องหาทั้งสองและ นายจักรพันธ์ ขับรถยนต์ออกมาจากไร่อ้อย จึงแสดงตัวหมายจับกุม แต่ผู้ต้องหาพยายามจะขับรถหลบหนี แต่ชุดจับกุมได้นำรถจอดขวาง และจับกุมได้ดังกล่าว ทั้งนี้ขณะตรวจสอบพบ นายจักรพันธ์ ที่นั่งรถมาด้วยมีท่าทีพิรุธแสร้งยืนร้องไห้อ้างเป็นญาติผู้ต้องหาทั้งสอง เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับติดตัวอีกราย จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวน
โดย นายอนุพงษ์ รับสารภาพว่า เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันศาลได้มีคำพิพากษาลับหลังจำคุก 1 ปี 6 เดือน และหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา เนื่องจากได้รับจ้างเปิดบัญชีม้ามีเงินหมุนเวียนนับแสนบาท ส่วน นายอนุสรณ์ รับว่า ได้เช่ารถจักยานยนต์ โดยไม่ได้นำรถมาส่งคืน ตามกำหนดไว้ เนื่องจากรถเกิดอุบัติเหตุ ส่วน นายจักรพันธ์ รับว่า มีหมายจับ 3 คดี เนื่องจากได้รับการชักชวนจาก นายอนุพงษ์ ให้เปิดบัญชีม้า หลอกขายโทรศัพท์มือถือในเฟซบุ๊ก จึงนำตัวนายอนุพงษ์ ส่งศาลจังหวัดขอนแก่น ,นายอนุสรณ์ ส่ง สภ.เมืองขอนแก่น ส่วน นายจักรพันธ์ ส่ง สน.ลำผักชี ดำเนินคดีตามหฎหมายต่อไป