ชีวิต น้ำตา หยาดเลือด ผู้พิทักษ์ชายแดนใต้

 

มีโอกาสอ่านบล็อกเพจ KNIGHTS BORDER

น่าสนใจขออนุญาตมาเผยแพร่ต่อจากสถานการณ์ผ่านสมรภูมิไฟใต้ที่ยืดเยื้อนานเกิน 20 ปีแล้ว

ว่าด้วย ชีวิต น้ำตา หยาดเลือด ผู้พิทักษ์ชายแดนใต้

เรื่องเล่าจากตำรวจที่ลงไปปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนใต้  เจ้าตัวตั้งกระทู้เจตนาเพื่อสะท้อนมุมมองสถานการณ์ภาคใต้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ยังใช้ได้ในปัจจุบัน  ผ่านสายตาเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติคนหนึ่งซึ่งมาประจำที่นี่เกินกว่า  10 ปี

“ ผมไม่ใช่คนพื้นที่” เขาว่า

เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นอีกมุมหนึ่งเท่านั้น  ทุกประโยคต่อไปนี้  ขอย้ำว่าเป็นเพียงทัศนคติของเขาคนเดียวเท่านั้น

เป็นเพียงข้อคิดเห็น ยังไม่ใช่ข้อเท็จจริง ยินดีรับผิดชอบทุกตัวอักษร

ขอเรียนไว้ก่อนว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการรับสาร

ขาบอกว่า เมื่อก่อนเป็นประชาชนคนหนึ่งมองสถานการณ์ใต้ว่า ไกลตัวเหลือเกิน เพราะไม่ใช่ภูมิลำเนาของตัวเอง  ได้ข้อมูลจากที่โน่น…ที่นี่  แล้วก็เอามารวบรวม  สังเคราะห์และจินตนาการเอาเอง

ว่าต้องเป็นอย่างนั้น  อย่างนี้แน่ๆเลย

แต่ปี 2548 เข้าเรียนในโรงเรียนตำรวจ ( เดี๋ยวนี้เรียกศูนย์ฝึกอบรม ) ได้รับข้อมูลใหม่ๆ  เกี่ยวกับภาคใต้มากยิ่งขึ้น  ทำให้ภาพที่เคยมองเปลี่ยนไปทีละนิดๆ

จนกระทั่งตุลาคม 2548 เขาได้ลงมาบรรจุที่  3 จังหวัดชายแดนใต้พื้นที่ปัตตานี วันแรกที่มาถึง   รถผ่านอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ภาพที่เห็นคือ  เจ้าหน้าที่ทหารยืนรักษาความปลอดภัยเส้นทางทุกระยะ 100  เมตร

คิดในใจ…ซวยแล้วตรู…มันน่ากลัวขนาดนี้เชียวหรือ” เขาระบายความรู้สึกสัมผัสแรก  แต่อีกใจก็คิดว่า  ดีเหมือนกันมาอยู่ที่นี่ได้ทำหน้าที่ “ตำรวจ” ที่แท้จริง ไม่ต้องยืนหลบตามเสาไฟ  แล้วคอยโดดมาจ๊ะเอ๋คนขับรถฝ่าไฟแดง  ให้เสี่ยงกับการโดนรถชนง่ายๆ เหมือนที่เคยเจอแถวบ้านล่ะวะ

อยู่ที่นี่ …  คงได้รบเต็มรูปแบบ  แบบว่าจิตใจรุกรบ  Fight ! เต็มที่ได้เจอกับคนที่เป็นโจรจริงๆ  จับจริงๆ  ยิงจริงๆ เสียที

มาวันแรก  รับแจกปืนยาว  ปืนสั้น  เสื้อเกราะกันกระสุน และยุทธภัณฑ์หลายอย่าง Full  option เต็มที่  เรียกว่า ถ้าท้องเสีย จะเข้าห้องน้ำนี่อาจจะถอดพร้อมไม่ทันกันเลยทีเดียว

แต่เรื่องมันไม่เป็นอย่างที่คิดรุ่นพี่และผู้บังคับบัญชาบอกเลยว่า  “ที่นี่ไม่ต้องการฮีโร่  ไม่ต้องการผู้กล้า” ฮีโร่กับผู้กล้า…คนที่ทำงานจริงๆ ตายไปหมดแล้ว รักษาตัวให้รอด  และย้ายกลับบ้านให้ได้

พูดมาอย่างนี้  พวกเราที่บรรจุพร้อมกัน มองหน้ากันแล้วคิดว่า  แล้วตรูจะมาทำไมฟร่ะ มาแล้วไม่ได้ทำงาน  อย่างนี้อยู่ฟังข่าวเอาที่บ้านก็ได้ พอได้ทำงานจริงๆแล้วเป็นไปอย่างที่รุ่นพี่พูดไว้จริงๆครับ

ปัญหาในการปฏิบัติงานมีมากมาย

ยุทธวิธีในการดำเนินการแบ่งแยกดินแดนของผู้ก่อความไม่สงบ

  1. ผลักดันไทยพุทธออกนอกพื้นที่ให้หมด –  อันนี้ไม่ต้องอธิบาย
  2. แย่งชิงมวลชนหลายวิธี เช่น  ให้ความดูแลประชาชนได้ดีกว่าทางการ
  3. เชือดไก่ให้ลิงดู ออกข้อบังคับต่างๆเพื่อพยายามควบคุมมวลชนเสียเอง ก่อเหตุในลักษณะทารุณโหดร้ายเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน ให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ให้รู้สึกว่า กำลังของทางการไม่สามารถให้ความปลอดภัยได้
  4. บิดเบือนประวัติศาสตร์ ปล่อยข่าว ( และปลูกฝังมานานแล้ว ) ว่าปัตตานีเป็นรัฐอิสระที่ถูกสยามข่มเหงและจำต้องอยู่ภายใต้ธงไทย  สร้างความเจ็บช้ำและจงเกลียดประเทศไทยให้แก่ประชาชน
  5. บิดเบือนคำสอนของศาสนา หลายอย่างครับ  เช่นเอาคำว่าญิฮาด ( นักรบในสงครามศาสนา ) มาแปลเพี้ยนๆ ให้เป็นนักรบเพื่อชิงคืนมาตุภูมิ ฆ่าคนต่างศาสนา  หรือพวกนอกรีตแล้วจะได้บุญ แม้กระทั่งพ่อแม่หรือคนในครอบครัว  ถ้าขัดขวางการเป็นนักรบของศาสนาถ้าเราฆ่าเสียแล้ว  เราจะได้บุญ…ไปโน่น

หลายอย่างที่สอน  ล้างสมองและปลูกฝังกัน  เราๆท่านๆ อาจมองได้ว่า ทำไมถึงเชื่อกันไปได้นะ ถ้าเรียนประวัติศาสตร์ที่แท้จริง  เรียนหลักศาสนาที่แท้จริง  หรือมีความคิดแบบปุถุชนสักหน่อยก็คงไม่เชื่อแล้ว

แต่จริงๆแล้วพวกเขาทำได้ครับ  ทำได้ผลดีซะด้วย…อย่างที่บอกพวกปลูกฝัง  และวางแผนมาหลายสิบปีครับ เด็กโตพอที่จะเข้าโรงเรียนได้  ถ้าเป็นเรา  เราจะให้ลูกเข้าเนิร์สฯ  ร.ร.อนุบาล  ประถม  มัธยมใช่ไหมครับ แต่ที่นี่  พอลูก 3 ขวบ  ให้เข้าตาดีกา ( แทนเนิร์สเซอรี่และโรงเรียนอนุบาล ) โตมาเข้าปอเนาะ ( แทนโรงเรียนประถม )  ต่อมาเข้าโรงเรียนมัธยมของศาสนา

เจ้าของหรือผู้อำนวยการบางโรงเรียน  มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของรัฐบาล พออยู่ในโรงเรียนของตัวเองจะสอน ล้างสมองยังไงก็สบายแฮ

เชื่อไหมครับโรงเรียนพวกนี้  ทุกโรงเรียนได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล  บางทีมากกว่าโรงเรียนวัดตามบ้านนอกแถวบ้านผมซะอีก”

ท่านๆอาจจะถามแย้งว่า  แล้วโรงเรียนของรัฐล่ะ  จะล้างสมองได้ไง  ถามกลับไปว่า  ท่านคงยังไม่ลืมว่า ช่วง  2 – 3 ปีแรก  เป้าหมายอันดับหนึ่งนอกจากพระสงฆ์  เป็นศูนย์รวมดวงใจของชาวพุทธแล้ว  อีกอาชีพคือ ครู – อาจารย์ ที่เป็นเป้าหมายในการก่อเหตุ   ฆ่าครู  ทำให้ครูขวัญเสียจนอยู่ไม่ได้ เมื่อครูไม่มี จึงมีโครงการคืนครูให้นักเรียน  มีทั้งอัตราจ้าง  พนักงานราชการ  หรือข้าราชการที่เปิดสอบกันภายใน หรือเปิดสอบภายนอก  แต่เอาคนภายใน  บางที่ถึงขั้นคนอื่นไปสมัคร   บอกเลยว่า…คุณจะมาสมัครก็ได้นะ  แต่มีคนอยู่แล้ว

  1. พยายามยกระดับเหตุการณ์ให้รู้ในเวทีโลก เพื่อให้ต่างชาติเข้ามาร่วมแก้ไขและดำเนินการจะติมอร์ตะวันออกได้ไหมครับ  รบกันมากี่ปีไม่ไปไหน  พอยูเอ็นมาแค่นั้นแหล่ะ

มีประเทศน้องใหม่กันเลย  555+

เป็นที่มาว่าทำไมอดีตผู้นำประเทศไทยถึงเรียกว่า  “โจรกระจอก”  ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่รู้สถานการณ์จริงๆ แต่อีกเหตุผลคือ เพื่อแสดงว่าเป็นปัญหาภายในประเทศ  จิ๊บจ๊อย…ไอจัดการไหว  ยูเอ็นอย่ามายุ่ง 

เอิ่ม…แต่ท่านครับ  มันล่วงเลยมาเกิน  20 ปีกว่าแล้วนะครับ

  1. มีการปลุกระดมเพื่อเช็กเรตติ้งและเตรียมความพร้อมของผู้ร่วมขบวนการอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมีการสร้างสถานการณ์จำลอง  เพื่อสังเกตยุทธวิธี  การแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อประกอบการวางแผนปฏิบัตจริง

ท่านคงจะเคยได้ข่าวบ่อยๆ  เกี่ยวกับการเผายางรถยนต์  โปรยตะปูเรือใบโดยไม่มีเหตุอื่นๆ  ไม่ใช่แค่ก่อกวนเท่านั้นครับ แต่เพื่อดสังเกตการณ์การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เพื่อรอดีเดย์แบบเหตุการณ์ที่ตากใบ

วันไหนมีเหตุจะรู้กันในตลาดแทบจะไม่มีพี่น้องมุสลิมเลย

  1. ส่งเยาวชน และผู้ร่วมขบวนการระดับปฏิบัติการ  หรือระดับสั่งการ  เข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

( ไม่รวมที่เล่นการเมืองทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่นนะครับ )  เช่นตำรวจ  ทหาร  ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน ทหารพรานเพื่อฝึกยุทธวิธีตำรวจและทหาร  และแทรกซึม

เป็นที่มาว่า  ทำไมมันเก่งกันจัง  และรู้ทันเราหมดเลย   ก็เรานี่แหล่ะครับ ฝึกให้มัน…ปลื้มไหมครับ

  1. ทำลายเศรษฐกิจของไทยพุทธ สนับสนุนธุรกิจที่เจ้าของเป็นอิสลาม เจ้าของกิจการคนไทยไปไหน ต้องระวัง ร้านขายของชำ  ร้านซื้อ – ขายอาหารทะเล เรียกว่าทุกอย่างที่เป็นคนไทยทำ จะโดนแบล็กลิสต์

ส่วนต้นเหตุที่ทำให้สถานการณ์ไม่คลี่คลายขออนุญาตยกยอดไปต่อพรุ่งนี้ครับ

 

RELATED ARTICLES