นัดดีเดย์ถกบัญชีโผ “นายพลเล็ก” ที่ค้างเติ่งข้ามปีวันที่ 10 มกราคม 2568
“นายหญิง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานสักขีพยานร่วมกับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจเพื่อพิจารณารายชื่อตามคณะกรรมการกลั่นกรองของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจทานก่อนเสนอเข้าที่ประชุมเห็นชอบ
คำตอบอยู่ที่มีเหตุผลและอำนาจเพียงพอแค่ไหนจะสลับสับเปลี่ยนสำรับ
ท่ามกลางกระแสการวิ่งเต้นมากมายหลายเก้าอี้ชนิด “ไร้กฎเกณฑ์” แบบ “ใครมือยาว สาวได้สาวเอา” ตามภาษิตไทย
บ้างก็ว่า ยึดเอาอาวุโสเป็นตัวตั้งตัดโควตากลุ่มคนทำงานหลุดออกจากกระดานไม่ต่างคราว “นายพลใหญ่” ที่ทำ “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้าขว้างแก้วมาแล้ว
ระลอกนี้ “ลูกสาว” จะยอมปล่อยผ่านเพราะ “อ่อนด้อยประสบการณ์” ในการทำการบ้านให้เข้าใจลึกซึ้งถึงยุทธจักรสีกากีอีกหรือไม่
น่าเป็นห่วง
เนื่องจากระบบคุณธรรมถูกทำลายขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานยอมละลายหายไป
แถมด้วยกระแสเสนอประมูล “ราคาค่าเก้าอี้” ทำเลทอง
ถึงขนาดผู้การจังหวัดคนเก่าต้องยอมจ่ายสนนราคาหลักสามสิบล้านยื่นให้ผู้ท้าชิงสละออกจากเกม
ฝ่ายท้าชิง “ตั๋วใหญ่” ปฏิเสธ ดึงดันหมายมั่นจะนั่ง “ตำแหน่งสำคัญ”
ทำให้การประลอง “วัดตั๋ว” เกิดขึ้นเป็นเดิมพัน พิสูจน์มูลค่าราคาเจ้าของทำเลมีมากกวาแค่สามสิบล้าน
นี่คือตัวอย่าง “วิบัติ” ของการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ
นอกจาก “อวดตั๋ว” ต้องมีราคาค่า “ติดปลายนวม”
ถามว่าต้องจ่ายใคร “โม่งตัวไหน” รับออเดอร์เปิดลิ้นชัก เสมือนหลายคนเชื่อ “ผี” ที่ว่ามีจริง แต่มองไม่เห็น
ยื่นหมูยื่นแมวไร้ใบเสร็จสำเร็จสมหวังเสร็จกิจต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหมดหนี้บุญคุณต่อกัน
ระยะเวลาที่เหลือคือจ้องกอบโกยหาคืนทุน และส่งถึงผลกำไร ความชิบหายบรรลัยอยู่กับประชาชนและผู้ประกอบการ
เงินสีเทาสะพัดจนน่ากระอักกระอ่วน
พิสูจน์ดมมือใครไม่ได้
ชอนไชฝังรากสำนักปทุมมานานหลายยุค
อย่าไปรอความหวัง “นายหญิง” เพราะไม่รู้ความจริง อย่าไปวาดฝันคณะกรรมการข้าราชการตำรวจที่ชอบ “อวดภูมิ ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพสีกากีอาจไม่รู้เท่าทัน
ลองตรวจแถวรายชื่อแต่ละคนเพื่อศึกษาประวัติภูมิหลังที่ผ่านมา เจริญก้าวหน้าเพราะฝีไม้ลายมือ หรือ “ถือกระสุนดินดำ” ยัดฝากผู้อยู่เบื้องหลังปู้ยี่ปู้ยำบัญชี
เตรียมตัวรอวันเสื่อม
