พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงผบช.ภ.2, พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1, พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว, พล.ต.อ.สม วันวีระ รอง ผบ.ตร.กัมพูชา ส่งมอบตัวผู้ต้องหาระหว่างตำรวจไทย และกัมพูชา คือ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ “จ่าเอ็ม” อายุ 41 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.84/2568 ลงวันที่ 8 ม.ค.68 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง” และหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.446/2566 ลงวันที่ 7 ส.ค. 66 ข้อหา “ยักยอก” จับกุมตัวได้ที่ ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาดิน-พนมได ชายแดนไทยกัมพูชา ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
จากเหตุคนร้ายลอบยิง “ลิม กินยา” ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส อดีต สส.กัมพูชา จนเสียชีวิตอย่างอุกอาจใจกลางกรุง บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรเดช เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 68 เวลาประมาณ 17.45 น. หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.ลงพื้นที่บัญชาการสืบสวนโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาล , กก.สส.บก.น.1 และ สน.ชนะสงคราม ร่วม 100 นาย ลงพื้นที่สืบสวนเพียง 5 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ก็ได้พบหลักฐานยืนยันตัวคนร้ายคือ “จ่าเอ็ม” หรือ นายเอกลักษณ์ แพน้อยอดีตทหารนาวิกโยธินของกองทัพเรือ (ปัจจุบันถูกออกจากราชการ) ขณะที่ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม นำชุดพนักงานสอบสวน “ขอหมายจับด่วน” ต่อศาลอาญาในทันที หลังหมายจับได้รับการอนุมัติ เร่งส่งชุดสืบนครบาลไล่ตามเบาะแสไปจนถึง จ.สระแก้วสุดเขตแดนประเทศไทย บริเวณด่านเขาดิน ชายแดนสระแก้ว-สำเภารูน ประเทศกัมพูชา
โดยเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 8 ม.ค. 68 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนง ผบช.ภ.2 ส่ง พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว นำกำลังชุด กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ สภ.คลองหาด มาช่วยสมทบปูพรมไล่ล่าจ่าเอ็ม ณ ริมชายแดน แต่จ่าเอ็มสามารถหลบหนีออกไปทางช่องทางธรรมชาติไปอย่างฉิวเฉียด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐพันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. “แม่ทัพไม่ยอมแพ้” ต่อสายประสานงานฝั่งเพื่อนบ้าน “ร่วมลุยเปิดทาง” กระทั่งรุ่งสางของวันที่ 8 ม.ค. 68 ชุดสืบนครบาลและ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ข้ามตะลุย ณ ต่างแดน โดยมี พ.ต.อ.Tim Vichay ผกก.สถานีตำรวจสำเภารูน ประเทศกัมพูชา ร่วมกับตำรวจไทยสืบสวนจนทราบว่าหลังจากที่จ่าเอ็มข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาแล้วได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากแนวชายแดน แต่เมื่อเดินทางไปตรวจสอบพบว่า จ่าเอ็มได้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมไปแล้ว ก่อนจะขึ้นรถรับจ้างเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปยังใจกลางเมืองหลวงพนมเปญ จึงได้ติดตามกันไปกระทั่ง เวลาประมาณ 16.30 น. วันเดียวกันก็ได้พบกับจ่าเอ็มที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง จึงทำการควบคุมตัวไว้ได้
ก่อนที่ นางแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ประสานงานกับทางการกัมพูชา “ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน” โดยทางการกัมพูชา นำโดย พล.ต.อ.ซอ เทศ ผบ.ตร.กัมพูชา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา ได้นำตัว นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ “จ่าเอ็ม” มาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาดิน-พนมได ชายแดนไทยกัมพูชา ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว โดยมี พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบนครบาล , กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว , สภ.คลองหาด และ ตม.จว.สระแก้ว รอรับตัวผู้ต้องหา บรรยากาศในระหว่างการส่งมอบตัวผู้ต้องหา เป็นไปด้วยความราบรื่น ด้วยการประสานงานและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา
จากการสอบสวนจ่าเอ็มอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง มีผู้มีพระคุณเป็นพลเรือนมาจ้างวานให้ฆ่า นายลิม คิม ยา ทีแรกได้ปฏิเสธไป แต่ถูกตื้อจนทำให้ตกลงรับงานในราคา 60,000 บาท และจ่ายมัดจำมาก้อนแรก 30,000 บาท โดยเอาเงินจำนวนนี้ไปไถ่ปืนที่จำนำไว้ในราคา 20,000 บาท และในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ มีคนไลน์มาให้ข้อมูลตลอด ว่าเป้าหมายรูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร ตอนนี้เดินทางถึงไหน และช่วงเวลาที่หลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก็มีคนไลน์มาบอกตลอดว่า ให้ไปตรงจุดไหน
นอกจากนี้ จ่าเอ็ม ได้ใช้สิทธิ ในการที่จะ ไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ให้เหตุผลว่า กังวลเรื่องความปลอดภัยและยังไม่อยากไปเจอหน้าใคร แต่จะให้คนมาสวมบทบาทเป็นตัวเองในการทำแผนแล้ววิดีโอคอลบอกรายละเอียด ซึ่งพนักงานสอบสวนนำตัวไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขังในวันที่ 13 ม.ค.นี้