ปิดจ็อป 2 หนุ่มอินเดีย ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศแหม่มสาวชาวเยอรมัน ริมชายหาดริ้น บนเกาะพะงันแล้ว เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ ด้านผกก.สภ.เกาะพะงัน มั่นใจไม่ผิดตัว รอผลการตรวจ DNA จากโรงพยาบาล ยืนยัน
พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช ภ.8 พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง.ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง.ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี สั่งการให้ พ.ต.อ.อภิชาต จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.เกาะพะงัน พ.ต.ท.สมศักดิ์ หนูรอด รอง.ผกก.สอบสวน พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ แดงไชย สว.กก.สส.ภ.8 พ.ต.ท.เจริญชัย บุญเกลียง สว.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี สนธิกำลังเข้าจับกุม MR.vijay อายุ 47 ปี และ Mr.Rahul อายุ 40 ปี ทั้งสองรายสัญชาติอินเดีย ได้ที่ บังกะโลแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 ตำบลเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
ก่อนจับกุม น.ส.ซ่าร่า อายุ 24 ปี สัญชาติเยอรมันได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ หลังจากร่วมกิจกรรมงานฟูลมูนปาร์ตี้ ริมชายหาดริ้น หมู่ 6 ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน ช่วงเวลาประมาณ 05.40 น.เช้าวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังรับเรื่องจึงนำกำลังลงพื้นที่เก็บหาหลักฐาน ในที่เกิดเหตุ และไล่กล้องวงจรปิด กว่า 100 ตัว ตลอดทั้งวัน รวมทั้งสอบถามพยานบริเวณจุดไกล้เคียง พบว่า กลุ่มชายต้องสงสัย ได้เข้าพักที่ บังกะโลแห่งหนึ่ง หมู่ 1 ตำบลเกาะพะงัน เมื่อไปถึงพบ MR.vijay อายุ 47 ปี และ Mr.Rahul อายุ 40 ปี ทั้งคู่สัญชาติอินเดีย ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวไปทำการสอบปากคำที่ สภ.เกาะพะงัน และได้เก็บตัวอย่าง DNA กับผู้ต้องสงสัยทั้งสอง พร้อมส่งตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลเกาะพะงัน
สอบสวน MR.vijay และ Mr.Rahul ให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่แน่ใจจำไม่ได้ ในขณะที่ น.ส.ซ่าร่า แหม่มผู้เสียหาย ให้การว่า คืนเกิดเหตุตนดื่มไปมากมีอาการมึนเมา ประกอบกับที่เกิดเหตุไม่มีแสงว่างมืดมาก จึงไม่แน่ใจ ไม่สามารถยืนยันตัว 2 ชายชาวอินเดียได้
ด้าน พ.ต.อ.อภิชาติ ผกก.สภ.เกาะพะงัน กล่าวว่า เราได้สอบปากคำพยานแวดล้อม ก็ไม่พบกลุ่มบุคคลอื่นนอกจากนักท่องเที่ยวชาวอินเดียว 2 คนนี้เท่านั้น ที่เดินผ่านกล้องวงจรปิดออกมาจากที่เกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าว ตามที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ และมั่นใจในหลักฐาน ว่าไม่ผิดตัว แต่ต้องรอผลการสอบสวน และผลการตรวจ DNA จากทางโรงพยาบาลก่อน