ตม.จับสองสามี-ภรรยา ฟิลิปปินส์ หนีหมายจับ 150 หมาย หลบหนีในประเทศไทย

ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม.พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หน.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ คดีแรกจับกุม Mr.Ma (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ข้อหา “ใช้รถผิดประเภท” สืบเนื่องจากตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กำชับให้ตรวจสอบพฤติกรรมกลุ่มคนต่างด้าวที่มีพฤติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดจนมีลักษณะที่กระทบภาพลักษณ์และความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.สั่งการให้ บก.สส.สตม. สืบสวนเกี่ยวกับกลุ่มรถยนต์หรูป้ายทะเบียนสวยงาม พบว่ามีกลุ่มรถซึ่งเป็นของคนต่างด้าวเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดน อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มจีนเทาที่กระทำผิดกฎหมายในปัจจุบัน

จึงรวบรวมพยานหลักฐาน จากนั้นขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญาพระโขนง เพื่อเข้าค้นบ้านหลังหนึ่งย่านสวนหลวง พบผู้ต้องหาและภรรยา พักอาศัยอยู่ พบพยานหลักฐานเชื่อว่าผู้ต้องหาประกอบธุรกิจนำรถหรูออกให้คนต่างชาติเช่าผ่านระบบออนไลน์ โดยจ้างคนไทยที่สามารถพูดภาษาจีนได้เป็นพนักงานขับรถ ตรวจสอบข้อมูลการครอบครองรถยนต์ พบรถยนต์หรูป้ายทะเบียนสวยงาม 4 คัน และตรวจสอบเส้นทางรถที่วิ่งพบว่าวิ่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่ติดกับชายแดน อาทิเช่น สระแก้ว เชียงราย จันทบุรี ฯลฯ จึงดำเนินคดีกับ Mr.Ma ข้อหา “ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต” และดำเนินคดีกับคนไทยที่ทำหน้าที่ขับรถรับส่งชาวต่างชาติจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังจังหวัดต่าง ๆ โดยจะได้สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการต่อไป

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า คดีที่สองจับกุม Mr.Cerrone (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี และ Mrs.Marve (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี สองสามี-ภรรยา สัญชาติฟิลิปปินส์ ก่อนจับกุมรับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย ขอความร่วมมือให้ช่วยตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของทางการฟิลิปปินส์ และเป็นบุคคลที่องค์การตำรวจสากลออกประกาศสีแดง ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงรูปแบบเครือข่ายหลอกให้ลงทุน” โดยมีผู้เสียหายจำนวนมาก เป็นเหตุให้ถูกหมายจับรวมกันกว่า 150 หมาย และหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย

เบื้องต้น พล.ต.ต.ภานพ พิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ของบุคคลต่างด้าวทั้งสองมีเหตุอันควรให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ จึงเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พร้อมกับขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และสั่งการให้ กก.2 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามหาตัว ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.ชะอำ จว.เพชรบุรี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ จนพบบุคคลทั้งสอง จึงแจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อนำตัวกักไว้รอการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถาม ผู้ต้องหาทั้งสองให้การว่า ทั้งสองคนเป็นประธานบริษัทการลงทุนแห่งหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ ได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการระดมทุนกระทั่งมีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้บริษัทขาดทุนอย่างหนัก และภายหลังได้ถูกออกหมายจับ จึงพาครอบครัวหลบหนีมายังประเทศไทย

RELATED ARTICLES