พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น ,พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 , สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.1, บก.สส.บช, กก.สส.บก.น.6, กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, สภ.ผักไห่, หน่วยข่าวกรองทหาร กองทัพบก
จับกุมนาย พิษณุฯ อายุ 38 ปี และ นาย ณัฐวุฒิฯ อายุ 26 ปี ข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปและร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน” พร้อมของกลาง มูลค่ายาเสพติด ประมาณ 996,000,000 บาท, ยาบ้า จำนวน 91 กระสอบ จำนวนประมาณ 18,200,000 เม็ด มูลค่า 546,000,000 บาท, ยาไอซ์ จำนวน 30 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 750 กิโลกรัม มูลค่า 300,000,000 บาท, เคตามีน จำนวน 10 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม มูลค่า 150,000,000 บาท, รถบรรทุกพ่วงพร้อมตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 1 คัน ได้ที่บริเวณถนนทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งว่า กลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือ โดยจะใช้รถเทรลเลอร์บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ในการลำเลียงยาเสพติด และจะใช้เส้นทางผ่านมายังพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อจะนำยาเสพติดเข้าไปกระจายส่งต่อในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงนำกำลังกระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทาง กระทั่งพบรถเทรลเลอร์ตามที่ได้รับแจ้งผ่านมาบริเวณถนนทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและเรียกให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อขอทำการตรวจค้น
จากการตรวจค้นพบว่ามีการดัดแปลงช่องลับภายในตู้คอนเทนเนอร์ โดยนำแผ่นเหล็กมากั้นแยกเป็นห้องอีกชั้นหนึ่ง เพื่อใช้ในการอำพรางและปิดบังเจ้าหน้าที่เพื่อขนลำเลียงยาเสพติด พบของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 91 กระสอบๆ รวม 18,200,000 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 30 กระสอบ รวมน้ำหนัก
ประมาณ 750 กิโลกรัม และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 10 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ของรถเทรลเลอร์คันดังกล่าว
สอบสวนนายพิษณุฯ ให้การรับสารภาพว่า เคยขับรถบรรทุกสิบล้อขนส่งสินค้ามาประมาณ 10 ปี และลาออกจากงานมาประมาณ 3 ปี ต่อมาได้รับการว่าจ้างขับรถเทรลเลอร์ให้บรรทุกเครื่องสุขภัณฑ์ไปส่งบริเวณชายแดนทางภาคเหนือ จำนวน 3 ครั้ง เพื่อสำรวจเส้นทาง ต่อมาขับรถเทรลเลอร์บรรทุกน้ำดื่มไปส่งบริเวณชายแดนทางภาคเหนือ และขับรถพ่วงเทรลเลอร์ที่ดัดแปลงช่องลับเพื่อซุกซ่อนยาเสพติด โดยรับยาเสพติดจากพื้นที่บริเวณชายแดนทางภาคเหนือมาแล้วจำนวน 5 ครั้ง นำยาเสพติดมาพักเก็บไว้ที่โกดังพื้นที่ภาคกลาง เพื่อคอยกระจายให้แก่ลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ ประมาณ 100,000 -200,000 บาท
ส่วนนายณัฐวุฒิฯ ให้การรับสารภาพว่า เคยขับรถบรรทุกหกล้อห้องเย็น ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน ได้มีนายพิษณุฯ ติดต่อให้มาช่วยขับรถเทรลเลอร์ไปที่บริเวณชายแดนทางภาคเหนือ โดยตนพึ่งมาขนยาเสพติดเป็นครั้งแรก ส่วนเงินค่าจ้างนั้นยังไม่ได้รับเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมก่อน