พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย,พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา , พ.ต.ท.ณัฐดนัย บำรุงศิลป์ และ พ.ต.ต.หญิง ชนากานต์ นิรัมย์ สว.กก.4 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายจำนวน 2 จัด ประกอบด้วย บริษัทบัญชีแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และ บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรู ย่านสนามบินสุวรรณภูมิ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังทราบว่ามีการก่อตั้งเป็นสถานที่รับจดทะเบียนบริษัท “นอมินี” ให้กับนายทุนต่างชาติ
จากการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 72 ราย แบ่งเป็นคนไทย 51 ราย และ ชาวจีน 21 ราย รวมถึงดำเนินคดีกับ บริษัท หรือ นิติบุคคล อีกจำนวน 15 บริษัท ในความผิดตาม “พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542” พร้อมตรวจยึดของกลางเป็น โฉนดที่ดิน 5 ฉบับ ตราประทับบริษัท 332 อัน เอกสารลูกค้าของบริษัท 2 กล่อง เอกสารที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท นอมินี 1 แฟ้ม เอกสารขอ VISA และ WORK PERMIT 16 รายการ รวมมูลทรัพย์สินและของกลางที่ตรวจยึดได้กว่า 150 ล้านบาท
ทั้งนี้ ขยายผลมาจากปฏิบัติการ “CIB Game on” รื้อระบบสยบจีนดำ จับกุมนายลี ชาวจีน ผู้ต้องหาตามหมายแดง (Red Notice) ที่ก่อเหตุยักยอกทรัพย์ชาวจีน มูลค่าความเสียหายกว่า 14,000 ล้านบาท ที่หลบหนีเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย และเปิดบริษัทนอมินีขึ้นมาเพื่อปกปิดอำพราง ก่อนร่วมกับพวกตั้งขบวนการรับทำบัตรประชาชน หรือ วีซ่าเถื่อน เพื่อหลอหลวงเงินจากเหยื่อชาวจีนด้วยกัน จนกระทั่งพบว่า บริษัท นอมินี ของนายลี ได้ว่าจ้างบริษัทบัญชีแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท และ คอยทำเอกสารส่งงบการเงินให้ ซึ่งจากการตรวจสองข้อมูลของบริษัทดังกล่าว ยังพบว่ามีการนำชื่อของกรรมการและบุคคลในครอบครัว ไปถือหุ้นในบริษัทชาวจีนอีกจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่จึงเร่งขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียด จนทราบว่า บริษัทบัญชีดังกล่าวมี น.ส.เหยียน เจ้า หรือวีนัส สัญชาติจีน เป็นนายทุนเจ้าของบริษัท จะคอยบริหารงานจากประเทศจีนและหาลูกค้าชาวจีนที่ต้องการเปิดบริษัทในประเทศไทย เมื่อมีลูกค้าชาวจีนต้องการจดทะเบียนบริษัท จะสั่งการผ่าน แอปพลิเคชัน WeChat โดยนำชื่อพนักงานคนไทย และบุคคลใกล้ชิด มาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นในสัดส่วนของคนไทยแทนคนต่างด้าว เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบ เมื่อจดตั้งบริษัทนอมินีขึ้นมาแล้ว กลุ่มคนจีนเหล่านี้ก็จะนำไปใช้ประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ สร้างความเสียหายให้กับรัฐเป็นอย่างมาก
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 2 จุด ในพื้นที่จ.สมุทรปราการ จนนำมาสู่การจับกุมผู้กระทำผิดทั้งคนไทยและชาวจีน 72 ราย รวมถึงดำเนินคดีกับบริษัทนอมินีในเครือข่าย ซึ่งจดทะเบียนที่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน อีก 15บริษัท หลังตรวจสอบสถานที่ตั้งพบว่า เป็นคูหาร้างภายในตลาดแห่งหนึ่ง ย่านบางเสาธง โดยผู้ดูแลโครงการให้ข้อมูลว่าคูหาร้างดังกล่าว ไม่มีผู้ใดมาเช่าเพื่อดำเนินกิจการหรือตั้งเป็นสำนักงานบริษัทแต่อย่างใด จึงเขื่อว่าบริษัทเหล่านี้น่าจะเป็นบริษัทนอมินี ที่จดตั้งขึ้นมาเพื่อบังหน้า ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลตรวจสอบเพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการดังกล่าวต่อไป