พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.กิตติภพ ทองเพชร , พ.ต.ท.พัฒษพงศ์ เสณีแสนเสนา สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุด แบ่งเป็นพื้นที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 จุด และ พื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 1 จุด เพื่อกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจากการปฏิบัติการดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไทย ได้จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายณรงค์เดช หรือเอก สีสวาท อายุ 41 ปี นายสุธี จำแนกรส อายุ 39 ปี นางเฉลิมพร มีสมพงษ์ อายุ 37 ปี และ นายสงัด พวงทอง อายุ 64 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงปลายปี 2567 ได้มีผู้เสียหายจำนวนหลายรายเข้าร้องขอความช่วยเหลือหลังถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงิน โดยแผนประทุษกรรมของมิจฉาชีพดังกล่าวจะทำทีปลอมเสียงโทรศัพท์เป็นแฟนของหลานสาว ก่อนอ้างว่า หลานสาวเกิดอุบัติเหตุต้องการใช้เงินเป็นค่ารักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน หรือแม้กระทั่งปลอมเสียงเป็นบุตรชาย โทรศัพท์มาขอเงิน อ้างว่าเกิดอุบัติเหตุขับรถชนคนที่กรุงเทพฯ ต้องจ่ายเงินค่าทำขวัญ ด้วยความที่ผู้เสียหายกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับบุตรหลานจริง จึงหลงเชื่อโอนเงินให้ไป กว่าจะมารู้ตัวอีกทีว่าถูกหลอกเงินก็สายไปเสียแล้ว
หลังรับเรื่องเจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแส จนทราบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่คนทำหน้าที่โทรศัพท์หลอกเหยื่อ กลุ่มคนรับเปิดบัญชีม้าเพื่อใช้รับโอนเงินจากเหยื่อ คนสั่งการวางแผน ซึ่งสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จักหรือเพื่อนสนิทกัน ก่อนจะชักชวนมาร่วมกันก่อเหตุ โดยมี นายณรงค์เดช หรือเอก เป็นหัวหน้าขบวนการ ซ้ำจากการตรวจสอบประวัตินายณรงค์เดช พบมีประวัติคดีฉ้อโกงมาแล้วกว่า 5 คดี ส่วนสมาชิกคนอื่นๆส่วนใหญ่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยกลุ่มนี้หลอกเงินรวมกว่า 30 ราย เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนนำมาสู่การตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนี้ได้ดังกล่าว
สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำผิดดังกล่าวจริง โดยเริ่มจากการรวมหัวกันวางแผนกับเพื่อนเพื่อหลอกญาติ เมื่อเห็นว่าได้ผลจึงเริ่มก่อเหตุกับบุคคลอื่นๆ ส่วนเงินที่ได้มาจะนำมาแบ่งกัน เพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันผู้ต้องหากลุ่มนี้ยังยอมรับว่า นอกจากพวกคนทั้ง 4 คนแล้ว ยังมีสมาชิกคนสำคัญอีก 1 คน ที่ร่วมกระทำผิดด้วย คือ นายยอด ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป