พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., สั่งการให้ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี, พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก, พ.ต.ท.หญิง ภาพิมล ชัยขันธ์, พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.ปกฉัตร สงวนแวว สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท., นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. เปิดปฏิบัติการ “FOX Hunt” ล่าจิ้งจอก ทลายแก๊งหลอกลงทุน FOX Wallet ปลอม บุกค้น 8 จุด จังหวัดนนทบุรี, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดพะเยา , จังหวัดเชียงราย สามารถจับกุม นายหวังฯ สัญชาติจีน อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2087/2568 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2568 พร้อมคนไทยอีก 7 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์ จำนวน 2 คัน
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ บก.ปอท. ว่าเมื่อประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้รู้จักกับผู้ใช้ Tiktok ซึ่งจะโพสต์ไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา และอ้างว่าเป็นนักเทรด ทำให้ผู้เสียหายสนใจร่วมลงทุน โดยการแอด LINE โดยคนร้ายได้ชักชวนให้ลงทุนเทรดคริปโตฯ ผ่านแพลตฟอร์มที่คนร้ายส่งให้ โดยในช่วงแรก ผู้เสียหายลงทุนหลักพันถึงหลักหมื่นบาท พบว่าสามารถถอนเงินได้จริง โดยได้ผลตอบแทนประมาณ 10-20% จากนั้นได้ถูกชักชวนให้ลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 30-50% เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินลงทุนเพิ่มขึ้น พบว่าไม่สามารถถอนเงินได้ เมื่อติดต่อแอดมิน พบว่า ให้โอนเงินเพิ่มเพื่อปลดล็อกยอดเงิน จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.8 ล้านบาท
หลังรับเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. จึงลงพื้นที่สืบสวนพบว่า มีการโอนเงินไปยังบัญชีม้าจำนวนหลายบัญชี และมีการฟอกเงินต่อหลายรูปแบบ ทั้งกดเงินสดจากบัญชีม้าทันทีในพื้นที่จังหวัดพะเยา, มีการฟอกเงินผ่านวอลเลตและคริปโตฯ รวมทั้งมีการนำเงินที่ได้ไปซื้อรถหรู จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาขบวนการนี้ทั้งหมด 8 ราย ประกอบด้วย นายหวัง สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์ มีนายอภิสิทธิ์ฯ ทำหน้าที่ในการหาบัญชีม้า, ฟอกเงินผ่านวอลเลตและถอนเงินสด ,นายปฏิภาณฯ และนายสราวุธฯ ทำหน้าที่ในการกดเงินสดส่งต่อให้ชาวลาว , นายชนินทร์ฯ , นายจำรัสฯ , นางกาญจนีฯ และนางไพรรินทร์ฯ ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าที่รับโอนเงินจากผู้เสียหาย จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 รายดังกล่าว
สอบสวนนายหวัง ชาวจีน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่ารถที่ซื้อ เป็นเงินที่เพื่อนชาวจีนอีกคนโอนมาซื้อให้ ส่วนนายอภิสิทธิ์ฯ ให้การรับสารภาพว่า ได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท ในการหาบัญชีม้า และโยกเงินจากวอลเลตไปยังบัญชีของตน เพื่อกดเงินสด จากนั้นจะมีคนมารับเงิน
ด้านนายปฏิภาณฯ , นายสราวุธฯ ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างจากคนลาวเพื่อกด ATM และนำเงินสดที่กดได้ส่งต่อให้คนลาว เพื่อนำข้ามไปส่งที่ร้านแลกเงินฝั่งลาว ขณะที่นายชนินทร์ฯ, นายจำรัสฯ, นางกาญจนีฯ และ นางไพรรินทร์ฯ บัญชีม้า ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีม้าจริง โดยได้รับค่าจ้างคนละ 2,000-10,000 บาท
เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั่งยี่”ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีต่อไป