พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป, พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.เจษฎา แก้วจาเครือ, พ.ต.ท.เอนก บุญตา, รอง ผกก.4 บก.ป. ว่าที่ พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สว.กก.4 บก.ป., ด.ต.เกียรติเฉลิม รักษ์งาม, ด.ต.สิทธิโชค สีแดง, ส.ต.ท.วรวุฒิ อภิสิริโชค, ส.ต.ท.จิณณวัตร วุฒิปัญญาพรม ผบ.หมู่ กก.4 บก.ป. จับกุมนายวรเทพฯ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 1762/2568 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2568 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” จับกุมได้บริเวณหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ทราบว่า หญิงสาวเจ้าของธุรกิจ รู้จักกับ นายวรเทพ ฯ ผ่านทาง Facebook โดยฝ่ายชายได้ทักเข้ามาพูดคุยแบบสุภาพ ใช้ภาพโปรไฟล์ดูดี มีรถหรู ชุดสูท โปรไฟล์คล้ายผู้บริหาร บทการสนทนาเน้นสร้างความเชื่อใจ เช่น อ้างเคยล้มเหลวในความรัก, ต้องการคนดูแลจริงจัง, อยากมีครอบครัว ก่อนจะชักชวนพูดคุยเกือบทุกวัน ติดต่ออย่างต่อเนื่อง จนผู้เสียหายไว้ใจและเชื่อใจ
ต่อมานายวรเทพ ฯ เริ่ม เสนอให้ช่วยผ่อนรถ-ผ่อนบ้าน หรือขอให้โอนกรรมสิทธิ์มาร่วมกันถือครอง โดยอ้างว่า “จะอยู่ด้วยกันถาวร จะลงทุนด้วยกัน” แต่เมื่อได้รับทรัพย์แล้ว ผู้ต้องหาค่อยๆ เงียบหาย ติดต่อยาก หรืออ้างเหตุผลหลีกเลี่ยงอย่างอื่น ผู้เสียหายเริ่มสงสัย เอะใจ จึงตรวจสอบในโซเชียลมีเดีย และพบว่ามีผู้หญิงหลายรายโพสต์เตือนภัยพฤติกรรม ของนายนายวรเทพ ชอบแต่งตัวดี พูดจาน่าเชื่อถือ แอบอ้างเป็นเจ้าของกิจการ เต็นท์รถ ผู้บริหาร หรือหมอ หลอกหญิงสาวหลายรายผ่านเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันหรือร่วมลงทุนธุรกิจ ก่อนโน้มน้าวให้เหยื่อโอนทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ บ้าน หรือเงินลักษณะเดียวกันของนายวรเทพ ฯ
จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บึงกุ่ม จนมีการออกหมายจับไว้ พร้อมกับเข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเพื่อให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ให้ได้ โดยความเสียหายเฉพาะคดีของผู้เสียหายรายนี้ กว่า 8 ล้านบาท ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหารายนี้ไว้ กระทั่งสืบสวนทราบว่านายวรเทพ ฯ ได้อาศัยอยู่ที่บริเวณหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ถนนรามคำแหง จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ดังกล่าว
สอบสวนนายวรเทพ ปฏิเสธตามข้อกล่าวหา อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบประวัติการกระทำผิดเพิ่มเติม พบว่าผู้ต้องหารายนี้เคยมีประวัติอาชญากรรม 7 คดี ในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานฉ้อโกง, ยักยอกทรัพย์, ลักทรัพย์ และความผิดเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ รวมถึงยังมีหมายจับศาลอีกหลายคดีที่ผู้เสียหายฟ้องร้องด้วยตนเองอีกด้วย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม ดำเนินคดีต่อไป
