น่าจะเป็น “หัวปิงปอง” หน่วยเดียวที่ไม่โดนชาวบ้านก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์เสียหาย เพราะไม่มีนโยบายตั้งด่านระดมกวดวินัยจราจรราวกับ “ฝูงหมาป่า” รอต้อน “ลูกแกะ” อย่างหิวกระหาย
ยกเอากฎหมายมาอ้าง “จ้องจับผิด” ไม่สนทำรถติดยาวเหยียดแค่ไหน
ทำให้ พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายในการปฏิบัติหน้าที่แก่ข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร (ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ มี พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผู้บังคับการตำรวจจราจร พ.ต.อ.ประทีป ศรีหรั่งไพโรจน์ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร รอรับการตรวจเยี่ยม
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เลี้ยงอาหารกลางวันเป็นรางวัลตอบแทนความดีที่ทุ่มเทและเหน็ดเหนื่อยการทำหน้าที่
เจ้าตัวว่า เป็นอีกครั้งที่ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยงานนี้ ในฐานะที่เคยกำกับดูแลและเคยร่วมปฏิบัติภารกิจ และความรับผิดชอบตามที่ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในงานด้านบริหาร
เขาอยากมาขอบคุณและเป็นกำลังใจตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริทุกนาย เพราะบทบาทสำคัญในการ “สร้างภาพลักษณ์ที่ดี” ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
“โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในสายการแพทย์ในภารกิจการนำส่งอวัยวะหัวใจที่ได้นำส่งมาแล้วถึง 128 ดวง” พล.ต.อ.กรไชยว่า
ขอเน้นย้ำกำลังพลทุกนายมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ด้วยจิตวิญญาณของการเป็นตำรวจ เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
ยึดหลักตามแนวทางพระราชดำริและอุดมคติของตำรวจเป็นที่ตั้ง
“ดูแลทุกข์สุขของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ประชาชนและสังคมเกิดความเชื่อมั่นศรัทธา ตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”
สำหรับโครงการตำรวจจราจรในพระราชดำริเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร
พระองค์มีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหาให้ทุเลาลงด้วยการพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 8 ล้านบาท ให้กรมตำรวจ (ในขณะนั้น) นำไปซื้อรถจักรยานยนต์เป็น “หน่วยเคลื่อนที่เร็ว” ทำหน้าที่ “สายตรวจจราจร” รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อวิทยุสื่อสาร ค่าเบี้ยเลี้ยง
ในการนี้พระองค์ได้พระราชทานแนวทางการปฏิบัติในโครงการนี้ 5 ประการ คือ
- แสวงหาแนวทางให้ผู้ใช้รถใช้ถนน เคารพกฎจราจร และมีมารยาท
- ใช้รถจักรยานยนต์ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วแก้ปัญหาจุดที่รถติด เสมือน “รถนำขบวน” โดยรถจักรยานยนต์จะเข้าไปแก้ไขปัญหาทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ไปได้
- ใช้รถจักรยานยนต์ดูแลการจราจรบนถนน ให้รถเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ตามความเหมาะสม
- ถนนที่เป็น “คอขวด” ให้รถจักรยานยนต์เข้าไปแก้ไขให้เคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ เสมือนเทน้ำออกจากขวด
- ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการจราจร
โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2536 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร จำนวน 150 นาย เข้ารับการอบรมความรู้เพิ่มเติมด้านการจราจรตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการประชาสัมพันธ์
นับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนและสังคมรวมระยะเวลา 32 ปี
ขอให้ทุกนายจงรักษาความดีถวายพระองค์