หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าตัวยืนยันก่อเหตุเพียงครั้งเดียว ไม่มีคนชี้เป้า เสียใจ และอยากขอขมาครอบครัวรปภ.ที่เสียชีวิต

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี แก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้าจากตู้คอนเทนเนอร์ของกรมศุลกากรที่ถูกจัดเก็บไว้ในพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จนทำให้ รปภ. เสียชีวิต ว่า ทางกรมศุลากรจะต้องตรวจสอบของกลางว่าหายไปจำนวนเท่าใด กี่รายการ เท่าที่ทราบมีเป็นพันรายการที่จะต้องทำการตรวจสอบให้ครบถ้วน ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสักระยะ หลังจากนั้นทางกรมศุลากรจะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป

ส่วนประเด็นที่นายแบงค์ อ้างว่าไปถึงอดีตรปภ. ว่าเป็นคนชี้เป้านั้น “ทางทีมชุดคลี่คลายคดี” ระบุว่าก็เป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ซึ่งทางตำรวจจะต้องสืบสวนข้อเท็จจริง โดยตำรวจได้ข้อมูลมาแล้วทราบเพียงชื่อเล่น อยู่ระหว่างพิสูจน์ตัวบุคคลและเรียกเข้ามาสอบปากคำ ทั้งนี้จากการซักถามผู้ต้องหาพบช่องโหว่ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรมีกำลังไม่เพียงพอจึงไปว่าจ้างคนในพื้นที่มาช่วยยกของ จึงทำให้บุคคลภายนอกนอกทราบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่เก็บของกลาง

นายแบงค์ที่มีประวัติอาชญากรรมหลายคดีนั้น พบว่าเมื่อวานนี้ทางตำรวจสน.ท่าข้าม ได้มาแจ้งความเพื่อจะอายัดตัวดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์อีกด้วยซึ่งแม่ของนายแบงค์ ได้เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าทางนายแบงค์ไม่มีอาการเครียด กินข้าวได้ตามปกติ เมื่อถามถึงประเด็นการยื่นประกันตัว แม่นายแบงค์ ระบุว่า “ถ้ายื่นได้ก็จะทำการยื่นประกันตัว”

ต่อมาเวลา 09.50 น. ทางพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายสิทธิศักดิ์หรือแบงค์ อายุ 38 ปี ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร โดยท้ายคำร้องทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว

ซึ่งนายแบงค์ ยืนยันไม่มีคนชี้เป้า พร้อมยืนยันหนักแน่นว่าก่อเหตุเพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ทั้งนี้เสียใจที่มีผู้เสียชีวิตอยากไปขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิตหากได้รับการประกันตัว ยืนยันเหมือนเดิมอีกว่าไม่ได้ตั้งใจถอยรถไปชนรปภ. ตกใจที่ถูกรปภ. ทุบรถ จึงใส่เกียร์ผิดจนทำให้ถอยชน

RELATED ARTICLES