“พล.ต.อ.ประจวบฯ” ติดตามผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ 

พล.ต.อ.ประจวบฯ ตรวจติดตามผลการดำเนินการตามโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ เพื่อสนับสนุนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม (Stronger Together) พื้นที่ อ.เชียงคำ จ.พะเยา

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจติดตามผลการดำเนินการงานชุมชนสัมพันธ์ งานการมีส่วนร่วมของประชาชน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการตรวจติดตามผลการดำเนินการตาม “โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ เพื่อสนับสนุนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม (Stronger Together)” ณ อาคารเอนกประสงค์วัดหัวทุ่ง ต.ทุ่งผาสุก อ.เชียงคำ จ.พะเยา พื้นที่ สภ.เชียงคำ โดยมี พระครูสุภัทรพรหมคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา , ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ที่ปรึกษาโครงการฯ , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , พล.ต.ต.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา , พล.ต.ต.พงษ์เดช คำใจสู้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ , พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3/คณะทำงานฯ พร้อมผู้แทนสาธารณสุขอำเภอเชียงคำ , พัฒนาการอำเภอ , โรงพยาบาลสาธารณสุขตำบลทุ่งผาสุข , อบต.ทุ่งผาสุข , กต.ตร.สภ.เชียงคำ , อสม. , อาสาสมัครตำรวจ , ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน , ภาคีเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมกว่า 200 คน ร่วมการตรวจติดตาม 

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า ได้มาได้พบปะเยี่ยมเยียน พูดคุยกับเครือข่ายประชาชน ซึ่งโครงการนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้กำหนดให้มีการบูรณาการความร่วมมือของส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านความขัดแย้ง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญ และขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยสั่งการให้ทุกหน่วยดำเนินการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหาชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน 

สำหรับโครงการนี้ได้ริเริ่มตั้งขึ้นแต่ปี 2562 ขณะ พล.ต.อ.ประจวบฯ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้ขับเคลื่อนโครงการทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีเครือข่ายภาคประชาชนทุกจังหวัดเข้าร่วมโครงการ และเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ต่อมาปี 2564 ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้นำแนวทางของโครงการดังกล่าวมาขับเคลื่อนทั้ง 1,483 สถานีทั่วประเทศ ปัจจุบันได้ขับเคลื่อนโครงการมาเป็นปีที่ 6 มีเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 591,921 คน ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 (1 ตุลาคม 2567 ถึง 31 พฤษภาคม 2568) สภ.เชียงคำ มีปัญหาที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีความต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยแก้ไข รวม 211 เรื่อง ได้รับการดำเนินการแก้ไขไปแล้วทั้งหมด ซึ่งแยกเป็นปัญหาด้านสังคม 192 เรื่อง , ปัญหาด้านเศษฐกิจ 2 เรื่อง , ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม 11 เรื่อง และปัญหาด้านความขัดแย้ง 6 เรื่อง 

หลังจากนั้นคณะทำงานได้เดินทางไปติดตามดูผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านสังคมของ สภ.เชียงคำ จ.พะเยา บริเวณถนนด้านหน้าวัดสลาบ ต.ฝายกวาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา ซึ่งประชาชนในพื้นที่ได้เสนอความต้องการให้ปรับปรุงพื้นถนนซึ่งเป็นหลุมเป็นบ่อ และต่อมาได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชนในชุมชน 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องเครือข่ายประชาชนที่เสียสละเวลา เป็นผู้แทนประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐรับทราบปัญหาและความต้องการ นำสู่การแก้ไข หรือตอบสนองความต้องการของชุมชนได้ ทุกปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาความเห็นแตกแยกทางการเมือง สภาพเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ ฝนแล้ง น้ำไม่พอสำหรับบริโภคหรือการเกษตร น้ำไม่ไหล ไฟฟ้าดับ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด วัยรุ่นมั่วสุม หรือทุกปัญหา ซึ่งเป็นการสนับสนุนการทำงานของตำรวจ นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ในงานของตำรวจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เป็นการเสริมสร้างความเข้าใจในด้านต่าง ๆ รวมทั้งได้มารู้จักพี่น้องเครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อรวมกันเป็นเครือข่ายประชาชนที่มีพลังในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา ร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมในแต่ละพื้นที่ อันจะทำให้ทุกปัญหาได้รับการแก้ไขความเดือดร้อนความต้องการของพี่น้องประชาชน จะได้รับการแก้ไขและตอบสนองโดยทันที ชุมชนสังคมก็จะมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน

RELATED ARTICLES