ความเชื่อมั่นและศรัทธา

 

อดีตผู้บังคับการประจำกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีบทความดีมาฝากเกี่ยวกับความเชื่อมั่นและศรัทธาขององค์กรตำรวจที่อยู่คู่แผ่นดินไทยมานานเนกาเลแล้ว

พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท บอกกล่าวเล่าย่อ ๆ ในสมัยโบราณ ตำรวจทำหน้าที่เป็นองครักษ์พระมหากษัตริย์รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คนต่างด้าวท้าวต่างแดน หลายประเทศ เข้ามาติดต่อเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และค้าขาย พระองค์ทรงให้มี กองตำรวจภูธรขึ้นเพื่อดูแลความสงบความเรียบร้อยในต่างจังหวัด จึงยกย่องว่า พระองค์ คือ”พระบิดาตำรวจไทย”

ต่อมาในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการรวมกองพลตระเวนนครบาลกับกองตำรวจภูธร เป็นหน่วยงานเดียวกัน ระดับกรมเรียกว่า “กรมตำรวจ” เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2458 และได้มีพระราชกฤษฏีกา แบ่งส่วนราชการ ให้กรมตำรวจมีฐานะเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2541

ตำรวจมีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฏร์ คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนคุก ไม่ว่าจะมีคดีอะไรเกิดขึ้น ผู้กระทำความผิดพากันหลบหนีหัวซุกหัวซุน  ถึงอย่างไรก็ไม่อาจพ้นมือตำรวจไปได้

“ตำรวจยุคเก่า” เดินเท้าตรวจ ขี่ม้าล่าโจร ใช้ปืนคาบศิลา ปืนสเตน ปืนคาร์ไบน์ เป็นยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีแประชาชนเชื่อมั่น ศรัทธาตำรวจมาก เช่น พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ฉายา “นายพลหนังเหนียว”

“ตำรวจยุคมือปราบ” ปราบจริง ยิงจริง นิ่งไม่พูด อาทิเช่น พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร ฉายา “อินทรีอีสาน” พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ฉายา “เสือใต้” พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ฉายา “สิงห์เหนือ” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา “เดอะอ๊อด” สิงห์นครบาลเหนือ พ.ต.อ.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ “เดอะโต้ง” เสือนครบาลใต้ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม นายพลไม้บรรทัด พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี เดอะอู๊ด FBI และอีกหลาย ๆ ท่าน ที่ทุ่มเททำงานเพื่อความสงบสุขของประชาชน

“ถ้าเอ่ยชื่อขึ้นมาเมื่อไหร่ พวกคนเลว คนร้าย คนชั่ว คนทำผิดกฎหมายจะกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าไปก่อกรรมทำเข็ญเพราะกลัวไปเกิดใหม่”

“ตำรวจยุคมือสอบสวน” ทางฝ่ายตำรวจที่ทำงานด้านสอบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ จากเขียนด้วยมือ มาใช้พิมพ์ดีด เอกสารเป็นตั้ง บางคดี สู้กันถึงสามศาลส่วนมาก ตำรวจเป็นฝ่ายชนะคดี

“มือสอบสวนชั้นครู” ในอดีต อาทิเช่น พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ ฉายา “อาจารย์แหวง” พล.ต.ท.ประยูร โกมารกุล ณ นคร ฉายา “อาจารย์ยูร” พล.ต.ต.บรรเจิด จุฑามาศ ผมไม่รู้ฉายา รู้แต่ว่าใจดี มีสปิริตกับผู้ใต้บังคับบัญชา พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ฉายา “อาจารย์นวย” แต่สื่อตั้งฉายาให้ว่า “นวยทนได้” และอีกมากมายหลายท่าน ที่ล้วนอยู่ในความทรงจำของหน่วยงาน ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานมิรู้ลืม

“ตำรวจยุคปัจจุบัน”  ยุคเทคโนโลยี โซเชียลมีเดีย แกะรอยโทรศัพท์ มือปราบกล้องวงจรปิด เป็นยุคที่มีความพร้อมในการทำงานมากที่สุด

แต่เวลาพี่น้องประชาชน มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ทำไมพี่น้องประชาชนถึงต้องไปหา ปวีณา หงสกุล สายไหมต้องรอด กัน จอมพลัง อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ทนายความบางคน

พอคนเหล่านี้ พาผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ ตำรวจก็กุลีกุจอกัน เพื่อรับเรื่อง เพื่อสอบสวน เพื่อจับกุม  เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างรวดเร็ว มีการออกข่าว ออกสื่อ กันเอิกเกริก

“ผมชื่นชมนะ ที่คนเหล่านั้น มีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือคนที่ได้รับความทุกข์ ความเดือดเนื้อร้อนใจ ด้วยความเต็มใจ ด้วยความมีน้ำใจ มิใช่เพราะกระหายแสง แถมมีผลงานชัดเจน เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมหลายเรื่อง มีส่วนช่วยกระตุ้น ทำให้ตำรวจได้บรรลุเป้าหมายในการปฏิบัติเพื่อประชาชน

แต่…อีกมุมมอง ประชาชน สูญสิ้นความเชื่อมั่นและศร้ทธา ในการทำงานของตำรวจแล้วหรืออย่างไร

ต้องไปหา “ตัวช่วย”

ทำอย่างไร ตำรวจจะเรียกความเชื่อมั่นและศรัทธากลับคืนมาเช่นในอดีต

ไม่…ยาก ถ้าตำรวจทุกคน “รู้จักหน้าที่ตัวเอง”  มีอีกหลากหลายแนวทาง ตัวอย่างเช่น โดยการ “เคารพ เอื้อเฟ้อ ต่อหน้าที่ กรุณาปราณีต่อประชาชน” มีความหมายตรงตัว

เพื่อนบอกมามีหลักในการทำงาน “เอาหลักเป็นนาย ไม่เอานายเป็นหลัก”  ความหมายคือ ทำงานโดยยึดหลักการ แม้ว่าคนที่เป็นนายจะสั่ง ถ้านอกหลักการ ก็ไม่ทำ มีเหตุผลชี้แจงได้ มีจิตใจมั่นคง ไม่เอนเอียง เพราะไม่ใช่ความถูกต้อง

อนาคตอาจจะเจริญช้า แต่มั่นคง อยู่รอดปลอดภัย  พวกเอาใจนาย อาจโตไว แต่ก็อาจล้มได้ตลอดเวลา

สุดท้ายเป็นวิธีการหนึ่งที่ “ผมใช้”มาตลอด คือ การทำงานต้องเอาใจใส่ และใส่ใจเข้าไปด้วยเพื่อให้งานมีชีวิต

เอาใจใส่ คือ หน้าที่ ใส่ใจ คือ วิธีการ ตัวอย่างเช่น สายตรวจ มีหน้าที่ออกตรวจตราพื้นที่เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ออกตรวจด้วยความ “เอาใจใส่”ตามหน้าที่ จุดตรวจโน้น จุดตรวจนี้ ลงลายมือชื่อตรวจ ถ่ายภาพ ส่งไลน์ เป็นหลักฐานหมด ครบทุกจุด

แต่ถ้า “ใส่ใจ”เข้าไปด้วย เช่น พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน แม้กระทั่งยาม หรือ รปภ.  สอบถามถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อหาข่าวในทุกมิติก็จะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างมากมายทำให้งานสายตรวจ “มีชีวิต”ขึ้นมาเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับวางแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้

พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาเคยให้ผมเขียนบทกวี ทำเป็นป้ายขนาดใหญ่ติดไว้ทั่วบ้านทั่วเมืองตามย่านชุมชน ทางแยก และหน้าภูธรจังหวัด

“ถ้าพึ่งใครไม่ได้ให้มานี่ ตำรวจดีมีบริการช่วยท่านได้ บำบัดทุกข์บำรุงสุขจากหัวใจ โรงพักไหนไม่บริการเชิญท่านมา”

ถ้าตำรวจทำได้อย่างนี้ทำอย่างรู้จักหน้าที่ตัวเอง  อย่างที่กล่าวถึงแนวทางตัวอย่างการทำงานไว้ข้างต้น

หรือแนวทางอื่นที่เห็นว่า ดี มีประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ สร้างความสุขแก่ประชาชน

ปวีณา หงสกุล สายไหมต้องรอด กัน จอมพลัง อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ทนายความบางคน อาจจะไม่ต้องมาเหนื่อยกับการเป็นตัวช่วยตำรวจก็ได้

ช่วยกันนะเพื่อให้องค์กรตำรวจ เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงไม่ต้องไปหา “ตัวช่วย” แต่ถ้ายังทำไม่ได้ ยังเรียกความเชื่อมั่นและศรัทธากลับคืนมาจากประชาชนไม่ได้

“ผมขอน้อมคารวะแด่ตัวช่วยกิตติมศักดิ์ทุกคน จากใจจริงครับ”

ป.ล.เกษียณอายุราชการมากว่าสิบปีแล้ว รู้จักแต่ตำรวจยุคเก่า ขออภัยตำรวจยุคใหม่ประเภทตัวจริง เสียงจริงที่มิได้เอ่ยถึงนะครับ

 

 

RELATED ARTICLES