พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ตะครุบ 2 โจ๋ขอนแก่น หลังโพสต์ขายปืนเถื่อนออนไลน์
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 ร่วมกับ กก.ปพ.บก.สส.ภ.4 ได้สืบสวนพบผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มสาธารณะซื้อขายอาวุธปืนที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แฝงตัวเข้าในกลุ่มและทดลองติดต่อขอซื้ออาวุธปืนจากบัญชีเฟซบุ๊กรายดังกล่าว ผ่านแอปพลิเคชัน Messenger และตกลงซื้อขายอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก ในราคา 21,000 บาท
กระทั่งพ.ต.ท.พิษณุ กินกิ่ง สว.กก.2 บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย และวางกำลังซุ่มรออยู่บริเวณใกล้เคียง จนกระทั่งถึงเวลาที่นัดหมาย นายเจี๊ยบและนายสิงห์ (ทราบชื่อภายหลัง) ได้ขับขี่รถยนต์เก๋งสีแดงเข้ามาจอดที่บริเวณลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น แล้วได้โทรศัพท์แจ้งให้ไปพบที่รถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวเป็นลูกค้าจึงได้เข้าพบและขอตรวจสอบสินค้าอาวุธปืนดังกล่าว ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสายลับกำลังตรวจสอบอาวุธปืน นายเจี๊ยบได้ขับรถออกมาด้านหน้าปั๊มน้ำมัน โดยมีเจ้ากน้าที่ตำรวจสายลับนั่งมาด้วย เมื่อสายลับตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนจริง จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมที่จอดรถซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าทำการจับกุม
ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่พยานยามเข้าควบคุมตัว นายเจี๊ยบกลับไหวตัวทัน จึงรีบถอยรถยนต์เพื่อจะหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รถยนต์ จำนวน 3 คันเข้าปิดกั้นเพื่อสกัดรถผู้ต้องหา ทั้งทางด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ทำให้เกิดการเชี่ยวชนกันระหว่างรถเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถนายเจี๊ยบ สุดท้านนายเจี๊ยบไม่สามารถขับรถหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวได้ในที่สุด
จากการตรวจค้น พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด 9 มม. (ดัดแปลงมาจากปืนบีบีกัน) จำนวน 2 กระบอก, กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด, กระสุนปืนขนาด .380 ACP จำนวน 1 นัด และซองแม็กกาซีนกระสุนปืน จำนวน 4 อัน
สอบถามนายเจี๊ยบและนายสิงห์ ยอมเปิดเผยว่า ของอาวุธปืนของกลางกระบอกที่ 1 ได้ซื้อมาในราคากระบอกละ 6,000 บาท จากชายรายหนึ่งที่เคยทำงานร่วมกัน โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ส่วนอาวุธปืนกระบอกที่ 2 ได้ซื้ออาวุธปืนบีบีกันจากร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ในราคา 2,800 บาท และได้สั่งลำกล้องกับสไลด์ปืนทางออนไลน์มาจากจังหวัดแพร่ แล้วนำมาดัดแปลงประกอบเป็นอาวุธปืน โดยได้ศึกษาวิธีการจากช่างที่มีความรู้เรื่องการดัดแปลงอาวุธปืนในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ผ่านกลุ่ม LINE กลุ่มหนึ่ง จนสามารถดัดแปลงใช้งานได้จริงกับกระสุน
ขนาด 9 มม. จากนั้นจึงนำมาขายในราคากระบอกละ จำนวน 20,000 บาท
เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งแหล่งที่มาของอาวุธปืนผิดกฎหมายดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป