“อาชญากรรมไซเบอร์ไม่รู้จักพรมแดน แต่ความร่วมมือ ก็ไม่ควรถูกจำกัดด้วยพรมแดนเช่นกัน” พ.ต.อ. ภานุภัท กิตติพันธ์ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีกล่าวปิดการบรรยายบนเวทีตำรวจสากลในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส
เจ้าตัวเป็นผู้สืบสวนคดีแฮกเกอร์คนสำคัญตั้งแต่ต้นถึงกลายเป็นคนไทยคนแรกที่ขึ้นเวที และยืนหยัดบอกเล่าเรื่องราวของตำรวจไทยให้ตำรวจทั่วโลกได้ฟัง
นี่ไม่ใช่แค่การจับแฮกเกอร์ แต่คือการยืนยันว่า นักสืบจากไทยก็ยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่เพียงความร่วมมือจากภาครัฐ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB ยังเดินหน้าแสวงหาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากภาคเอกชนนานาชาติ รับเป็นอีกคดีที่ความสลับซับซ้อนของการสืบสวน “เจอทางตัน”บ่อยครั้ง
เพราะบริษัทผู้ให้บริการต่างๆ อยู่ต่างประเทศ
ถึงกระนั้นไม่อาจหยุดยั้งทีมสืบสวนของ CIB ในการขอข้อมูลระหว่างประเทศที่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ความเชื่อมโยงทางเทคนิคเริ่มชัดขึ้นอย่างไม่อาจปฏิเสธจาก “แฮกเกอร์ในเงามืด” ที่ค่อยๆ ฉายแสงเปิดหน้าคนร้ายรายนี้
ผลจากการต่อจิ๊กซอว์ร่วมกันระหว่างกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และตำรวจสิงคโปร์ มีอัยการสูงสุดไทยและสิงคโปร์เข้าร่วมไขปริศนาต่างๆจนคลี่คลาย
หลักฐานชี้ชัดหน้ากากคนร้ายอย่างชัดเจน กระทั่งได้รับไฟเขียวจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการจับกุมคนร้ายไม่ให้มีโอกาสทำลายหลักฐาน
ยึดอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ข้อมูลเหยื่อ ธุรกรรม และบัญชี X.com ได้ทั้งหมด จูงมือนักแฮกเกอร์คนสำคัญสู่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
การที่ ตำรวจสากล (INTERPOL) ให้ความสนใจในคดีนี้ไม่ใช่เพียงเพราะขนาดของความเสียหายหรือชื่อเสียงของเหยื่อเท่านั้น แต่เพราะการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย โดยเฉพาะตำรวจสอบสวนกลาง CIB สามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถต่อกรกับ “ภัยไซเบอร์” ระดับโลกได้อย่างเฉียบขาด
ตำรวจสากล INTERPOL มองเห็นศักยภาพ และเลือกที่จะยกระดับคดีให้กลายเป็นกรณีศึกษาสำหรับประเทศอื่น ๆ ในเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก เป็นครั้งแรกที่ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ไทยได้ก้าวขึ้นสู่เวทีเดียวกับประเทศที่มีทรัพยากรและเทคโนโลยีระดับสูง และสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นใจ
พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ถึงได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนขึ้นบรรยาย ไม่เพียงสะท้อนความสามารถของบุคคล แต่ยังสะท้อนภาพรวมของหน่วยงานที่มีระบบการทำงานเข้มแข็ง มี “ผู้นำที่มองการณ์ไกล” มีเครือข่ายระหว่างประเทศที่ได้รับการสั่งสมมาอย่างต่อเนื่อง
ในเวทีนั้น เจ้าหน้าที่จากยุโรป อเมริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย ต่างจับตามองว่า ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ทำได้อย่างไรกับทรัพยากรที่จำกัด
คำตอบไม่ได้อยู่แค่ในเทคโนโลยี แต่อยู่ใน “คน” ที่เข้าใจทั้งกระบวนการกฎหมาย สภาพสังคม และเทคนิคไซเบอร์ควบคู่กัน
เมื่อเรื่องราวของคดี 0mid16B ถูกเผยแพร่ต่อเวทีนี้ มันกลายเป็นจุดประกายให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ ไม่เพียงย้ำถึงความสำคัญของระบบที่มีประสิทธิภาพและเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ ยังทำให้หลายประเทศเริ่มพิจารณาใช้แนวทางแบบเดียวกับประเทศไทย
เช่น การสร้างทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจระหว่างประเทศ (Joint Cyber Task Force) การจัดเวิร์กช็อปประจำปีเพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคการสืบสวนทางไซเบอร์ และการใช้กลไกสนธิสัญญาเพื่อขอข้อมูลในเวลาจำกัดเพื่อให้ทันต่อภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว
กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับประเทศ อื่น ๆ ว่าการเป็นส่วนหนึ่งของการสู้ภัยไซเบอร์ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการมีเครื่องมือแพงที่สุด แต่ต้องเริ่มจากการมีระบบที่ดี และมีคนที่พร้อมเรียนรู้และร่วมมือ
ในช่วงสุดท้ายของการบรรยาย เสียงปรบมือในห้องประชุม ตำรวจสากล INTERPOL ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เพราะทุกคนรู้ว่า นี่คือ “ชัยชนะของระบบที่เชื่อมโยงกันได้ทั่วโลก” และตำรวจไทย คือ หนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญในระบบนั้น
พวกเขายกเป็นต้นแบบของ “การสืบสวนข้ามพรมแดน” ที่ประสบความสำเร็จ