พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 ลงพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์การอบรม “การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อพัฒนางานพนักงานสอบสวน รุ่นที่ 2” ณ โรงแรมทวาราวดี อ.ศรีมหาโพธิ จว.ปราจีนบุรี โครงการนี้เป็นความต่อเนื่องจากรุ่นที่ 1 ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับคุณภาพงานสอบสวนให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล และแก้ปัญหาวิกฤติขาดแคลนพนักงานสอบสวนที่กำลังรุมเร้าในปัจจุบัน
การอบรมรุ่นที่ 2 นี้จัดขึ้นในรูปแบบ “ค่ายติวเข้ม” ผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วยพนักงานสอบสวนจาก ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว, ปราจีนบุรี และนครนายก ที่ได้หยุดงานประจำชั่วคราวเพื่อมาเรียนรู้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI อย่างเข้มข้น การจัดอบรมดังกล่าว ยังได้รับเกียรติจาก ดร.สุขยืน เทพทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ระดับประเทศ มาเป็นวิทยากรหลัก ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคการใช้ AI ในงานสอบสวนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำไปใช้งานจริงได้ทันทีหลังจบหลักสูตรวางเป้าใช้ AI แก้ปัญหาคนขาด ยกระดับคุณภาพสำนวน สำหรับวัตถุประสงค์หลักของโครงการ AI for Investigation รุ่นที่ 2 นี้ มี 3 แกนสำคัญ ได้แก่
• เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานสอบสวนที่มีอยู่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อน
• ยกระดับคุณภาพของงานสอบสวน ด้วยความแม่นยำของระบบวิเคราะห์ข้อมูลและพยานหลักฐานด้วย AI
• สร้างนวัตกรรมใหม่ในกระบวนการยุติธรรม โดยพัฒนาเครื่องมือ AI มาช่วยจัดการข้อมูลคดี วิเคราะห์เอกสาร และลดข้อผิดพลาดจากงานเอกสารแบบเดิม
พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า “การอบรมรุ่นที่ 2 นี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากรของตำรวจภูธรภาค 2 เราไม่ได้ทำเพื่อทดลอง แต่เรากำลังวางรากฐานของการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายความรู้ระหว่างพนักงานสอบสวนจากหลายจังหวัด ซึ่งจะทำให้เกิดเครือข่ายการแลกเปลี่ยนความรู้ที่แข็งแกร่ง และเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันระบบสอบสวนยุคใหม่” ภายหลังการอบรมครั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 คาดหวังว่าพนักงานสอบสวนที่ผ่านการอบรมจะสามารถนำทักษะด้าน AI ไปประยุกต์ใช้ในงานได้ทันที เพิ่มความรวดเร็ว ความถูกต้อง และประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างน้อย 3 เท่า พร้อมเป็น “ต้นแบบ” ให้กับตำรวจหน่วยอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพนักงานสอบสวนในระยะยาว
ตำรวจภูธรภาค 2 ยังมีแผนขยายผลการอบรมไปยังจังหวัดอื่น ๆ ภายในสังกัด พร้อมทั้งจะมีการติดตามและประเมินผลการนำความรู้ไปใช้จริง เพื่อนำข้อมูลกลับมาปรับปรุงหลักสูตรให้ตอบโจทย์ความต้องการมากยิ่งขึ้น จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า “ตำรวจภูธรภาค 2” ไม่เพียงแค่เป็นผู้นำด้านความมั่นคงและความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล อย่างแท้จริง พร้อมขับเคลื่อนงานสอบสวนของไทยให้ทันโลก ไม่ตกขบวนเทคโนโลยี