พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. แถลงผลจับกุมขบวนการเพจหลอกประมูลนาฬิกายี่ห้อหรู “Vintage Watch” จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย นายนิธิภัทร์ ผลเจริญ อายุ 41 ปี, น.ส.แอน พันธุ์โต อายุ 39 ปี , นายภานุมาส จันตาระ อายุ 27 ปี ,นายลิน วิน ตัน (LIN WIN TUN) อายุ 34 ปี สัญชาติเมียนมา ,นายคำแก้ว คำเปา อายุ 47 ปี บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน , น.ส.ธัญชนก แซ่แซว อายุ 52 ปี และ น.ส.ฝ้าย คำแสง อายุ 37 ปี บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.ระยอง, จ.จันทบุรี และ จ.เชียงราย
พล.ต.ต.อธิป กล่าวว่า เมื่อประมาณปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายพบโพสต์โฆษณาบนเฟซบุ๊ก ชื่อเพจ “Vintage watch” เปิดประมูลนาฬิกาข้อมือวินเทจ โดยเพจดังกล่าวมีจำนวนไลค์มากกว่า 2 พันไลค์ อีกทั้งยังมีบุคคลอื่นเข้าร่วมประมูลอีกเป็นจำนวนมาก ทราบภายหลังเป็นกลุ่มหน้าม้า ผู้เสียหายจึงเกิดความสนใจเข้าร่วมประมูลโดยใส่ราคาไว้ใต้คอมเมนต์ของโพสต์ ต่อมาได้มีแอดมินของเพจทักเข้ามาในกล่องข้อแจ้งว่าผู้เสียหายชนะการประมูลนาฬิกาในราคา 5,500 บาท โดยมีค่าจัดส่ง 100 บาท รวมเป็นเงิน 5,600 บาท
พล.ต.ต.อธิป กล่าวต่อว่า จากนั้นคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เป็นจำนวนเงิน 5,600 บาท พร้อมทั้งได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าประกันสินค้าอีกจำนวน 2,000 บาท โดยจะได้รับเงินคืนหลังจากทำประกันเสร็จแล้ว ผู้เสียหายจึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เพิ่มอีกจำนวน 2,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 7,600 บาท ต่อมาคนร้ายยังได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีก จำนวน 1,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมการโอนเงินประกันคืนทั้ง ๆ ที่สินค้ายังไม่ส่งมา ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกลอกลวง จึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำในลักษณะขบวนการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 รายไว้ แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 2 ราย, กลุ่มจัดหาบัญชีม้า จำนวน 2 ราย, กลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน จำนวน 3 ราย ก่อนกระจายกำลังเข้าจับกุม พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ ประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร,บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 13 รายการ, โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง, ซิมการ์ด 18 อัน, พระเครื่อง 6 องค์, เงินสดจำนวน 600,000 บาท, เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง, โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนขยายผลจากผู้ต้องหาที่จับกุมได้ ทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการกระทำที่เป็นขบวนการ ผู้ต้องหาบางรายมีหน้าที่จัดหาบัญชีม้า โดยว่าจ้างบุคคลทั่วไปให้เปิดบัญชีธนาคาร พร้อมลงแอปพลิเคชันของธนาคารในโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งต่อไปยังบ้านเช่าในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นโทรศัพท์เหล่านี้จะถูกส่งข้ามแดนไปยังออฟฟิศของแก๊งในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในรับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกลวง และใช้ในการฟอกเงิน ตามคำสั่งของนายทุนชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากระบบแจ้งความออนไลน์พบว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 16 คดี โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงขายสินค้าหลายประเภทผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เพจขายทุเรียน, ยางรถยนต์, โทรศัพท์, เครื่องตัดหญ้า และปลาอินทรีย์ อีกทั้งตรวจพบยอดเงินหมุนเวียนในคดีนี้มากกว่า 2 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 เดือน สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำส่ง กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีต่อไป