เข้าสู่วันที่ 5 กับภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมลูกหนังเยาวชน “หมูป่าอะคาเดมี่” ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
เป็นปฏิบัติการท่ามกลางความหวังที่ไม่ใช่พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กน้อยเท่านั้น ยังเป็นความคาดหวังของคนไทยทั้งประเทศ
ส่งกำลังใจภาวนาขอให้รอดออกมาปลอดภัยทุกคน
แม้การระดมค้นหาจะเผชิญอุปสรรคจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำปริมาณน้ำในถ้ำสูงขึ้นจนยากลำบากแก่การเข้าไป แต่บรรดา นักรบทำลายใต้น้ำจู่โจม ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ “หน่วยซีล” ไม่มีความคิดจะล้มเลิก
จนกว่าภารกิจการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตจะเสร็จสิ้น
เฉกเช่นอีกหลายหน่วยที่เข้าไปเป็นกำลังเสริมทุกด้าน
ถึงกระนั้นยังมีความวุ่นวายเป็น ประเด็นดราม่าในภาคสนาม ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานระหว่างหน่วย การเข้าช่วยเหลือจากกำลังเสริมที่ขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานกู้ภัย การเปิดรับบริจาคสิ่งของอุปกรณ์ที่ถูกมองว่าขาดแคลน การกระทบกระทั่งหวิดวางมวยแย่งที่จอดรถ
รวมถึงกองทัพสื่อมวลชนที่ลงไปเกาะติดสถานการณ์รายงานข่าว
ทำให้ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต้องออกมาจัดระเบียบยกใหญ่ เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไหลรื่นไม่ต้องมาเจอคลื่นมนุษย์เป็นกำแพงขวางสภาพพื้นที่ธรรมชาติอีกชั้น
น่าเห็นใจที่ส่วนใหญ่ลงทำงานตามหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
มีเพียงไม่กี่รายที่อาศัยสถานการณ์ “สร้างภาพ” ปาดเหงื่อ แต่ตัวหอม เสื้อไม่เลอะ
แต่พฤติกรรมเลอะเทอะคิดว่า ตัวเองมีอำนาจเต็มมือ ถึงกล้าถือวิสาสะสั่งการ “นักรบ” สวมบทแม่ทัพราวกับเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์
พอไปถึงเรียกชุดฝ่ายปฏิบัติการมาประชุม กำชับต้องรายงานความคืบหน้าให้ทราบตลอดเวลา ก่อนออกไปทำงานต้องมารับฟังโอวาทและปล่อยแถวลงพื้นที่
มีจุดไหนน่าสนใจต้องแจ้งให้ทราบเพื่อตัวเองจะรีบเดินทางไปพิสูจน์ทราบ พร้อมทัพสื่อมวลชน
สรุปคือ ต้องการอยากเป็นข่าว
สะท้อนบทบาทเดิมของตัวเอง
มีอำนาจ แต่ไม่รู้หน้าที่ !!!