คงเป็นอนุสรณ์สะท้อนหัวใจ “อดีตผู้เป็นนาย” ที่หิวกระหายทำลายครอบครัวตำรวจชั้นผู้น้อย
ที่สุดแล้ว แพทย์ไม่อาจยื้อชีวิต “ผู้กองสมเผ่า” ร.ต.อ.สมเผ่า โพธิ์ศรี รองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรปากชม จังหวัดเลย
ทั้งที่เหลือเวลาอีกเดือนเดียวจะเกษียณอายุราชการกลับไปใช้ชีวิตในบั้นปลายกับครอบครัวลูกเมียที่รักแบบราษฎรเต็มขั้น
เขาตกเป็นเหยื่อโครงการบริหารหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ตามแนวคิด พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลยในขณะนั้น หว่านล้อมลูกน้องระดมทุนกู้เงินสหกรณ์ไป“ปลดหนี้เน่า” ที่หลายคนเป็นภาระอยู่กับสถาบันการเงิน
แต่ปรากฏว่า ผู้เป็นนาย กลับนำเงิน 229 ล้านบาทไปละเลงในตลาดหุ้น หายไปพร้อมกับโบนัสเลื่อนตำแหน่งเป็น รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล
นายพลโกงเงินสหกรณ์ของลูกน้องโดนแจ้งความดำเนินคดี “ฉ้อโกงประชาชน” และโดนคำสั่งให้ออกจากราชการ
ทว่าเก็บตัวปิดปากเงียบไม่บอกเหตุผลความจำเป็น
ทิ้งภาระให้ลูกน้องเก่าและครอบครัวอยู่ในสภาวะจนตรอก
ร.ต.อ.สมเผ่า โพธิ์ศรี เป็นคนหนึ่งที่เครียดหนักจากหนี้สินรุมเร้าท่วมหัวนับล้าน แถมเพื่อนที่เอาที่นามาค้ำประกันเงินกู้ก็โดนยึดไปด้วย
ความเครียดของนายตำรวจวัยใกล้เกษียณส่งผลให้เส้นเลือดก้านสมองแตก ครอบครัวนำส่งโรงพยาบาลจังหวัดเลย
แพทย์บอกต้องทำใจ
โอกาสรอดริบหรี่ ที่นอนหายใจอยู่บนเตียงได้เพราะเครื่องออกซิเจนช่วย ครอบครัว “โพธิ์ศรี” ตัดสินใจยอมปล่อยให้เสาหลักของบ้านไปแบบสบาย
ก่อนเขาจะจากไปเมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา
นางวรวีร์ โพธิ์ศรี อายุ 58 ปี ภรรยาและลูกชายหญิงสองคนเฝ้าอาการอย่างใกล้ชิดจนถึงวาระสุดท้าย
เธอระบายความฝันก่อนวันสูญสลายหายไปพร้อมคู่ชีวิตว่า สามีมีหนี้สินอยู่กว่า 700,000 บาท มีเพื่อนตำรวจ 2 นายมาช่วยค้ำประกันกับธนาคารจนผ่อนไม่ไหว มีการเจรจายืดเวลาชำระหนี้ พอดี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช มาเป็นผู้บังคับการได้ชักชวนเข้าโครงการบริหารหนี้
แม่บ้านตำรวจผู้สูญเสียยืนยันว่า สามีเข้าร่วมได้เงินมาประมาณ 1,400,000 บาท หวังจะไปจ่ายหนี้ไถ่ถอนที่นาของเพื่อนตำรวจ กว่า 700,000 บาท เพื่อไม่ให้คนค้ำเดือดร้อน ส่วนที่เหลือจะไปจ่ายค่าบ้านที่อยู่ที่เอาไปจำนองขายฝากไว้ 500,000 บาท
สุดท้ายเป็นหนี้เพิ่มอีกเท่าตัว
“ขาดสามีไปก็ลำบากมาก ไม่รู้จะอยู่สู้ชีวิตไปอย่างไร ดิฉันต้องลำบากขายกับข้าว เลี้ยงหลาน อีกทั้งต้องแบกภาระหนี้สินนับล้านบาท รถยนต์และบ้านก็จะถูกยึดแล้ว ไปขอประนอมหนี้ผ่อนส่งก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปส่งงวดต่อ ไม่อยากให้ตำรวจรายอื่น ๆ หรือคนในครอบครัวมาประสบเหตุการณ์เช่นเรานะ” นางวรวีร์เล่าทั้งน้ำตา
“ขอฝากไปยังท่านสุทิพย์ ท่านมาโกงเงินตำรวจทำไม ครอบครัวตำรวจเดือดร้อนไปหมด ทุกคนมีภาระที่ต้องเลี้ยงลูกเมีย ทุกวันนี้อยู่อย่างลำบาก เอาชีวิตคนมาทำแบบนี้ จิตใจทำด้วยอะไร มันแค้นใจมาก ยังเป็นคนอีกหรือ ถ้าคนอื่นทำกับครอบครัวท่าน แล้วท่านจะรู้สึกอย่างไร ท่านจะโกรธแค้นไหม”
ภรรยาผู้กองที่ตกเป็นเหยื่อกระหายของนายยังอ้อนวอน อยากให้เอาเงินมาคืนดีกว่า คนอื่นจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน และอยากให้จบที่ครอบครัวของตนอย่าให้เกิดกับครอบครัวตำรวจอื่นๆ ขอให้เป็นรายเดียวและรายสุดท้าย
หรือต้องให้มีใครตายเพิ่มอีก