ค่าของคนอยู่ที่คนจะมอง

องค์กรตำรวจบางที่เลือกใช้บุคลากรคุณภาพไม่คุ้มค่า

ปล่อยให้กลายเป็น ปลาผิดน้ำ ผิดฝั่ง- ผิดหน้าที่

หลายคนถึงตัดสินใจยื่นใบลาออกก่อนเกษียณอายุราชการ ไม่ใช่หวัง “ยศสูงขึ้น” แต่รู้สึกเหมือนอยู่ไปก็ไร้ศักดิ์ศรี

ไม่ใช่เก้าอี้ที่ควรนั่งหายใจทิ้ง

ทั้งที่ความจริงมีความรู้ความสามารถมากมายพอจะทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติห้วงเวลาอายุราชการที่เหลือปีเดียว

ลอตนี้ มีระดับนายพลสีกากี “ขอไขก๊อก”  6 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ จเรตำรวจ พล.ต.ต.โสพรรณ ธนะโสธร รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง รองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.สุรพล เกษประยูร นายแพทย์ (สบ7) โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.หญิง สุวรรณี วุฒิณรงค์ตระกูล นายแพทย์ (สบ6) โรงพยาบาลตำรวจ และ พล.ต.ต.อดุลย์ รัตนภิรมย์ ผู้บังคับการกองกฎหมาย

“เปิดหลุม” ให้มีการพิจารณาแต่งตั้งนายพลใหม่อีก 12 ตำแหน่ง

ส่วนใหญ่มอง “คนมาเสียบ” ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ “คนลาจาก”

น่าเสียดายสุดไม่พ้น พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ อดีตนายตำรวจมือปราบพิชิตคดีดังมาอย่างโชกโชน อาวุโสลำดับ 2 ในบัญชีระดับผู้บัญชาการ แต่ไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือรองจเรตำรวจแห่งชาติ

อาจเพราะที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจคาดไว้อยู่แล้ว

เจ้าตัวจะยื่นใบลาออก

พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ ถือเป็นตำนานที่ถูกลืมเอาไปใช้ประโยชน์แก่องค์กรสะท้อนให้เห็นหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง

“หลักกู” ต้องมาก่อน “หลักการ”

อุดมการณ์และความสามารถไม่อาจเอาชนะ “อำนาจมืด” ที่แทรกแซงการแต่งตั้งตำรวจ

พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานตลอดชีวิตราชการ ไม่ชอบสร้างภาพอวดฉากเก่งทำตัวโดดเด่นเหนือใคร เขาเป็นคนเชียงใหม่ นักเรียนเก่ามงฟอร์ตวิทยาลัย สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 34 เริ่มต้นเป็นผู้หมวดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์

วนเวียนอยู่ปากน้ำโพ ตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอลาดยาว แล้วขึ้นเป็นสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอนครสวรรค์

เป็นสารวัตรงาน 5 กองกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ก่อนเข้าร่วมทีมเฉพาะกิจ “ฉลามดำ” ของ “สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์” มือปราบรุ่นพี่ คลี่คลายคดีมากมายในภาคเหนือตอนล่าง กระทั่งถูกชักชวนไปเป็นสารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 3 กองปราบปราม ยุค พล.ต.ต.คำนึง ธรรมเกษม เป็นผู้บังคับการ

ปีเดียวขึ้นรองผู้กำกับการ 3   กองบังคับการปราบปราม หลังจาก “สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์” เข้ามานั่งผู้กำกับเต็มตัว ร่วมทีม ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ประยนต์ ลาเสือ ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ สร้างชื่อให้กองปราบปรามกระฉ่อนทั่วภาคเหนือ

ต่อมาเป็นผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม แล้วย้ายเป็นผู้กำกับการสถานำตรวจภูธรอำเภอสอง จังหวัดแพร่ เจอพิษการเมืองท้องถิ่น เด้งกลับมานั่งเป็นผู้กำกับการประจำกองปราบปรามทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ

ปี 2547 เป็นรองผู้บังคับการปราบปราม และรองผู้บังคับคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทว่าขออาสาไปทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ช่วงไฟด้ามขวานกำลังคุกรุ่นอย่างหนัก

เลื่อนขึ้นผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่บริหารและดานสืบสวน) เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งแรกที่เข้าไปรับราชการในถิ่นเกิดตัวเอง

จากนั้น ลงสมรภูมิชายแดนใต้อีกครั้งตำแหน่งรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ ขึ้นเขาบุกป่า ฝ่าดงกระสุนและระเบิด ตามไล่จับผู้ก่อความไม่สงบนาน 3 ปี เลื่อนเป็นจเรตำรวจ

ที่ผ่านมาเจ็บปวดโดนสงคราม “กีฬาสี” ป้ายสีเปื้อนอำนาจต่างขั้ว

วันนี้ขอตัวอำลาชีวิตมือปราบกำราบผู้ร้ายมานับไม่ถ้วน !!!

RELATED ARTICLES