เส้นทางแม่ทัพเมืองหลวง (4)

ความจริง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ควรจะแจ้งเกิดเป็นมือปราบภูธรภาคอีสาน

หลังจาก “ศักดา เตชะเกรียงไกร” ขณะนั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายสืบสวนเมืองขอนแก่นเห็นแวว หมายมั่นปั้นให้อยู่ในทีมงานอินทรีอีสานของ “บุญทิน วงศ์รักมิตร”  

เรียกเขาไปหัด ไปฝึก ไปทำ พอถึงเวลาจริงเขากลับไม่เอา

ประจวบเหมาะกับเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจอย่าง “สุชาติ ธีระสวัสดิ์” อยู่สำนักงาน พล.ต.ท.แสวง ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้เป็นบิดา เห็นสภาพเพื่อนอยู่ถิ่นทุรกันดารที่โรงพักอุบลรัตน์ จัดแจงยัดชื่อใส่ให้มาเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดินแดง

ชนิดไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ย้ายเข้ากรุงปีแรก ความที่กลัวจะอายคนอื่น เขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมาขยันมากขึ้น ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกลับจากดินแดงไปบ้านที่สำโรง สมุทรปราการ เพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียชื่อ มองเป็นพนักงานสอบสวนบ้านนอก

อุตส่าห์ดึงตัวมาต้องตั้งใจทำงาน

ก่อนย้ายไปทำงานสืบสวนโรงพักสามเสน เริ่มเรียนรู้ระบบการทำงานของนครบาลแทบไม่ได้กลับบ้าน ทำตัวเป็นนักสืบ มีตำรวจชั้นประทวนเก่า ๆ คอยสอน

แม้ยังไม่ได้ดี ขั้นก็ไม่ได้ โชคยังช่วย ด้วยมี “ศิริวัฒน์ โมรานนท์” เพื่อนในรุ่นอีกคน ลูกชาย “สุริยะ โมรานนท์” เกื้อหนุนช่วยย้ายไปเป็นรองสารวัตรแผนกสืบสวนพิเศษ 191 และมี “ชวลิต แสวงพืชน์” เพื่อนอีกคนเป็นลูกเขย พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ ยมกกุล ผู้การกองปราบปรามทาบทามจะให้ไปอยู่สามยอดด้วย

เนื้อหอมโดนรุมแย่งตัว แต่ไม่ได้แย่ง เพราะฝีมือการทำงาน เห็นเป็นเพื่อนกันมากกว่า เนื่องจากเขาเป็นคนคุยง่าย แม้จะเป็นคนโผงผาง

ตัดสินใจอยู่สืบพิเศษ ขลุกกับลูกน้อง นำไปรู้จักวงการนักเล่น วงการนักเลง เริ่มมีพวก เริ่มมีช่องทางการสืบสวน เห็นวี่แววของตัวเองขึ้นมา มีคดีอะไรก็เริ่มรู้

ต่อมา “สุริยะ โมรานนท์” ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธร 1 ลูกชายย้ายไปสารวัตรสถานีตำรวจภูธรตำบลโพธิ์แก้ว จังหวัดนครปฐม ถือโอกาสดึงเขาไปขึ้นสารวัตรสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม

อยู่ไม่กี่ปีย้ายกลับถิ่นนครบาลเป็นสารวัตรกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลธนบุรีแทน สารวัตรฉัตรกนก เขียวแสงส่อง นักสืบรุ่นพี่

เจอ “รณศิลป์ ภู่สาระ” เพื่อนร่วมรุ่นช่วยสอนเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ จากความเป็นแค่ “นักสืบบ้านนอก” เรียนรู้ทุกอย่างครบเครื่องจากสืบสวนนครบาลธนบุรี

ไม่นานเข้าอีหรอบเดิม เมื่อนิสัยโผงผางโวยวายทะเลาะกับนายของเขายังไม่หาย ผ่าดันไปปะทะคาคมกับผู้กำกับในสังกัดจนถูกเสนอ “ย้ายฟ้าผ่า” ให้ไปเป็นสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ แบบไม่ทันรู้ตัว

นับเป็นครั้งแรกที่ถูกย้ายแล้วเสียใจมาก คำสั่งเด้งกลางอากาศระหว่างไปตามคดีต่างจังหวัด

กลายเป็นสารวัตรทำหน้าที่พันเวร

ถือเป็นช่วงโดนมรสุมมากที่สุดในชีวิตราชการของแม่ทัพเมืองหลวง

 

RELATED ARTICLES