โลกในกะลาไซเบอร์อันไหนจริง อันไหนหลอก
บางทีบอกไม่ได้นอกจากมาเจอด้วยตาตัวเอง
พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท อดีตผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ตำนานมือปราบคนหนึ่งเพิ่งเจอมากับตัว หลังมีคน “ปลอมเฟซบุ๊ก” เอาทั้งชื่อและรูปภาพไปเขียนเรื่องราวเสื่อมเสียชื่อเสียง มีแฟนเพจติดตามจำนวนมาก
ทำอดีตมือปราบตัวจริงโมโห
ความมาแตกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน 2561 เขาขึ้นเวทีไปร้องเพลงในงานชมรมตำรวจนอกราชการ มีคนถ่ายรูปแล้วเอาไปลงเฟซบุ๊กในชื่อ พล.ต.ท.อังกูร อาทรไผท พอมีคนเห็นภาพก็ส่งไลน์มาชื่นชม
เจ้าตัวถึงสงสัยว่า เอาภาพมาจากไหน เพราะเขาไม่มีภาพนี้ และไม่ได้เป็นคนเฟซบุ๊ก
คนที่ส่งรูปมายืนยันว่า มาจากเฟซบุ๊กของเขา
เท่านั้นแหละอดีตนายพลนักสืบรุ่นใหญ่ถึงเริ่มต้นแกะรอยพบมีบุคคลอื่นแอบอ้างปลอมเฟซบุ๊กจริง นำเอารูปสมัยเขาแต่งเครื่องแบบผู้การทางหลวง “ถือปืน” มาใช้เป็นโปรไฟล์
แต่รูปโปรไฟล์ของจริงจะเป็นรูปเขาสวมชุด “เอลวิสสีดำ” ถือไมโครโฟน
เขียนตำแหน่งผิดเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจทางหลวง” ใส่ยศ พล.ต.ท.
แถมเขียนข้อความเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง แต่งเติมจนมีคนติดตามเกือบ 5,000 คน มากกว่าแฟนเพจตัวจริงอย่างเขาเสียอีก แต่ละกระทู้มียอด like ถึง500ครั้ง กดแชร์อีกมากมาย ทำให้เขาดังโดยไม่รู้ตัวว่า คนปลอมเฟซบุ๊กเปลี่ยน “สตอรีชีวิต” ของเขาให้ดราม่า
บันทึกเรื่องราว จากเด็กวัดสู่ข้าราชการนายพลตำรวจทางหลวง
มีทุกวันนี้ได้เพราะข้าวก้นบาตรพระ
“จุดเริ่มต้นคือ สมัยผมเป็นเด็กอายุประมาณ 12-14 ปี ผมติดยาเสพติดครับ ขี้ขโมยครับ คิดเกมส์ เรียนก็ไม่ไป เพราะติดเกมส์ไปขโมยตังค์คนอื่น พอวันนึงแม่จับได้ตอนอายุ 16 ปีว่าติดยาเสพติด แม่ก็เลยเอาผมไปวัด เพราะว่า ผมติดยาเสพติด แถมบ้านค่อนข้างจนไม่มีฐานะอด ๆ อยาก ๆ ไปวัน ๆ แม่ไม่มีปัญญาส่งเรียน เอาผมไปมอบให้หลวงพ่อ
หลวงพ่อก็เลยบวชเณรสั่งสอนผมให้รู้จักอันไหนดี อันไหนไม่ดี ผมบวชเรียนประมาณ 3 ปี จนจบ ม.6 เลยไปลองสอบโรงเรียนนายร้อยสามพรานดูครับ สอบติดเลยตั้งใจขยัน สงสารพ่อแม่ ผมพยายามเลือกยาเสพติดจนสำเร็จครับ
ผมอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ”
สร้างความเสียหายแก่ พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท ที่โดนบิดเบืยนประวัติชีวิตเป็นคนติดยาเสพติด ขี้ขโมย เรียนหนังสือไม่เก่ง ทั้งที่ตัวจริงสอบได้ที่ 1 มาตลอดจนจบมัธยม 6 จากโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย สอบได้เป็นที่ 1 ของจังหวัด
ไม่เคยลักขโมย ไม่เคยติดยาเสพติด
อดีตผู้บังคับการตำรวจทางหลวงตัดสินใจร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มอบหมาย พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง นำทีมงานไปพบเพื่อทราบรายละเอียด
วันเดียวเครือข่ายเฉพาะกิจของ “บิ๊กโจ๊ก” เข้าถึงตัวผู้กระทำความผิดที่จังหวัดอุดรธานี ยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดเป็นโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นแกแล็กซี
เครื่องน้อยๆ ที่ทำให้ผู้คนปั่นป่วนวุ่นวายมากมาย
ทว่าผลจากการเข้าตรวจจับกุม ทำเอาอดีตมือปราบสะอึกมากกว่า
จากความคิดที่จะห้ำหั่นผู้ปลอมเฟซบุ๊กแอบอ้างชื่อกลับพบเป็นเยาวชนอายุเพียง 16 ปี ป่วยเป็นมะเร็ง อยู่ระหว่างการรักษา ต้องให้คีโม ผมร่วงหมดทั้งหัว อาศัยอยู่กับแม่ 2 คน บ้านไม่ได้มีฐานะ น่าเศร้าสุดคือ เยาวชนตัวน้อยคนนี้สารภาพว่า รักและศรัทธาเขา
มองเขาเสมือนเป็น “ตำรวจฮีโร่” จากภาพแต่งเครื่องแบบถือปืนน่าเกรงขาม
ระหว่างป่วยเป็นมะเร็งไม่ได้ไปเรียนหนังสือ มีเวลาว่างก็ติดตามเฟซบุ๊กแล้วเอารูปไปสร้างเฟซบุ๊กสวมรอยสร้างเรื่องสร้างราวขึ้นใหม่ อาศัยความเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์บล็อกคนนามสกุลเดียวกับเจ้าของเฟซบุ๊กตัวจริงและผู้อยู่ในบัญชีญาติเพื่อไม่ให้สามารถเข้าไปส่องดูได้
ทั้งหมดที่ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือ ไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย
ตำรวจได้เรียกเจ้าตัวและแม่ไปปรับทัศนคติ ตักเตือนแล้ว ให้อภัย และให้โอกาส
หวังว่า น่าจะสำนึก
“กระผม ……ขอกราบขออภัยท่าน พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท อย่างสูงที่ได้นำภาพมาสร้างเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เจตนาสร้างเพราะรักและเคารพในตัวท่าน ไม่มีเจตนาที่จะนำมาใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์อื่นใด ขออนุญาตโพสต์นี้เป็นโพสต์สุดเพื่อแสดงความสำนึกในสิ่งที่กระทำผิดไป …”
แม้จะปิดเฟซบุ๊กปลอมไปอย่างถาวร พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท ตัวจริงฝากเตือนเพื่อนร่วมโลกไซเบอร์ให้เป็นอุทาหรณ์ระวังอาจเจอมือดีปลอมเฟซบุ๊กเหมือนเขา
ตัวจริงจะไม่มีโอกาสทราบเพราะเข้าดูไม่ได้ !!!