แผนปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ของรัฐบาล “รัฐประหาร” นาม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
สุดท้ายโดน “แช่แข็ง” ไม่ทันกรอบเวลาที่ขีดเขียนไว้อย่างเลิศหรูแลดูมีความตั้งใจ
แต่เงื่อนไขของ “กฎเหล็ก” ตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 20/2561 เรื่อง มาตรการสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินให้มีความต่อเนื่อง
ยังคงอยู่
ย้อนทบทวนรายละเอียดเกี่ยวกับสาระสำคัญของเรื่องกันอีกรอบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
มีคำสั่งให้การดำเนินการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2561
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2561
กฎระเบียบ คำสั่ง ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วาระการแต่งตั้งประจำปีพุทธศักราช 2559 จนถึงวันที่กฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจตามแนวทางปฏิรูปตามมาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม(4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีผลบังคับใช้
เป็นการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ
ให้ถือว่า การดำเนินการนั้นเป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด
ปิดปากบรรดานักร้องขอความเป็นธรรม
เพราะฉะนั้นการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รองผู้บังคับการ-สารวัตร ที่กำลังรอทะลักกันมานานข้ามปีถึงขึ้นอยู่กับผู้กุมอำนาจ
แน่นอนว่าไม่ใช่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
และไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจเต็มในการคุมองค์กรตำรวจ
ส่วนจะเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่
คาดเดากันไป
ที่แน่ ๆ เส้นสายลายแทงของ “ตั๋วฝาก” กลับอยู่เพียงแค่ “คนกลุ่มเดียว”
ซุ้มเดียวที่ “ยึดหัวหาด”มาตลอด 4 ปีเศษ
ปากที่ชอบป่าวประกาศ “ไม่มีการซื้อขายเก้าอี้” ดูเหมือนดีมีคุณธรรม ท่ามกลาง “เสียงยี้” จากตำรวจไร้เส้นสายทั่วบ้านทั่วเมือง
ตำรวจเก่าหลายคนบ่นกันอุบ ส่ายหัวพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรเก่าที่ทำตัวเป็น “ไม้หลักปักขี้เลน” ออกนอกเลนมีหวังกระเด็นหลุดตำแหน่ง
พวกของมองรุ่นน้องแก่งแย่งชิงเก้าอี้ทำเลทอง วิ่งหา บรรณาการ สนองผู้มีอำนาจกระทั่งกลายเป็น “วงจรอุบาทว์”เรื้อรัง
เมื่อไม่มีตังค์ เสียงมันไม่ดังพอจะชูคอขอตำแหน่ง
ตำแหน่งที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อการทำงานตามจิตวิญญาณและหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ยังไม่อาจได้สมความตั้งใจ
เรื่องจริงทีคนนอกหรือคนในก็รู้
อยู่ที่ว่าจะกล้ากำจัดวงจรอุบาทว์ของคนกลุ่มนี้ได้ขนาดไหน !!!