จับตาการประชุมพิจารณาแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงผู้บังคับการประจำปี 2562
วาระวัดน้ำยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มีกำหนดเดินทางไปนั่งเป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ
ผลงานชิ้นเอกของผู้นำประเทศที่อาสานั่งคุมทัพกุมอำนาจองค์กรตำรวจด้วยตัวเอง
ทว่าปี่กลองยังไม่ทันเริ่มบรรเลง ระฆังยังไม่ส่งสัญญาณ
พล.ต.อ.นเรศ นันทโชติ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 ได้ ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ
ขอทวงสิทธิเก้าอี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจเรตำรวจแห่งชาติ
ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม
เมื่อปี 2559 เจ้าตัวมีตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสลำดับ 5 มีสิทธิเลื่อนตำแหน่งสูงเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีเก้าอี้ว่างถึง 6 ตำแหน่ง แต่มติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจครั้งที่ 8/2559 ปรับลดรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเหลือ 5 ตำแหน่ง และยุบตำแหน่งที่ปรึกษาสัญญาบัตร 10 ไปอีก
ทำให้เขาไม่ได้รับการพิจารณา
ปีถัดมาขยับอาวุโสมาเป็นลำดับ 1 ในระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็พลาดโอกาสพิจารณาดำรงตำแหน่งสูงขึ้น เช่นเดียวกับในปี 2561 อาวุโสลำดับ 1 ยังถูกแช่แข็งเปิดทางให้ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้นที่มีอาวุโสลำดับ 5 กระโดดข้ามไปนั่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน
กระทั่งเดือนเมษายน 2562 มีการพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัตรา พล.ต.อ. ตามกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจให้คัดเลือกคุณสมบัติผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีขึ้นไปและเหลืออายุราชการไม่เกิน 6 เดือน
ปรากฏว่า ในระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่มีใครเข้าหลักเกณฑ์ตามคุณสมบัติดังกล่าว แต่ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ กลับถูกเสนอดันขึ้นนั่งตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการยกเว้นเงือนไขและหลักเกณฑ์
ทั้งที่ เจ้าตัวไม่มีความประสงค์และสมัครใจนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาแม้จะมียศเทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจเรตำรวจแห่งชาติ
เท่ากับเป็นการตัดโอกาสทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งหลักของกองทัพสีกากี
เป็นเหตุผลสำคัญที่ พล.ต.อ.นเรศ นันทโชติ ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ
ขอทวงสิทธิขยับขึ้นนั่งเก้าอี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจเรตำรวจแห่งชาติ ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2562
ก่อนเกษียณอายุราชการในปีหน้า
เอกสารร้องขอความเป็นธรรมของอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ระบุชัดเจนว่า การกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษขึ้นมาเพื่อตอบแทนข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับราชการมายาวนานจนใกล้เกษียณอายุราชการ แต่ไม่มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งหรือเลื่อนยศสูงขึ้นเป็น พล.ต.อ.
มิได้มีเจตนารมณ์เพื่อนำมาใช้แต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ยังมีเวลาราชการเกินกว่า 1 ปีแบบเขา
ถือเป็นการดำเนินการที่ขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย และยังส่งผลกระทบต่อสิทธิตามกฎหมายทำให้เสียโอกาสในการรับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหลัก คือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจเรตำรวจแห่งชาติที่อยู่ในลำดับอาวุโสที่ 1 ของระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
แล้วคงได้รู้กันว่า “หลักการ”จะอยู่เหนือ “หลักกู” ได้จริงหรือ