ปรับขุมกำลัง 61 เก้าอี้ขุนทัพจังหวัด

บัญชีแต่งตั้งโยกย้าย 317 นายพลระดับ รองผู้บัญชาการ ถึง ผู้บังคับการ วาระประจำปี 2562

นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เสร็จเรียบร้อยพร้อมบัญชีพิจารณาแต่งตั้งของกองทัพ

ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กุมอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อำนาจที่อยู่ใน “กำมือ” ผู้นำประเทศที่ประกาศไว้ว่าจะให้ความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ไม่ให้เกิดอารมณ์เจ็บปวดผิดฝาผิดตัวเป็น “ปลาผิดน้ำ” เหมือนเมื่อครั้งรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติกุมบังเหียนมาตลอด 5 ปี

กระนั้นก็ตามระลอกนี้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจปรับขุมกำลัง “ขุนทัพ” ระดับ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด มากถึง 61 เก้าอี้จากที่มีทั่วประเทศ 76 ตำแหน่ง

ไล่เรียงตั้งแต่พื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สับเปลี่ยนเกือบหมดแผง พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการประจำสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรปทุมธานี พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักมะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชัยต์พจน์ สูวรรณรักษ์ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้บังคับการประจำตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท พ.ต.อ.สังวาลย์ ฤกษ์ศรีลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรอุทัยธานี เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รองผู้บังคับการกองงบประมาณ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี

ฝั่งชายทะเลภาคตะวันออกทำเลทองที่หลายคนหมายปอง มี พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม จเรตำรวจ ก้าวมานั่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ขยับเกือบหมดเช่นกัน มี พล.ต.ต.ประการ ประจง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พล.ต.ต.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด พ.ต.อ.ฉลอง สุขจันทร์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการปราบปราม เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.ปราศรัย จิตตสนธิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พ.ต.อ.เสถียร บุญค้ำ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี พ.ต.อ.อิทธิพล โพธิ์ทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก

ขณะที่ถิ่นอีสานใต้ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ยังได้รับความไว้วางใจบริหารหน่วยเป็นปีสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ ปรับทัพเกือบหมดเช่นกัน มี พล.ต.ต.ถวาย บูรณรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 7 เป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พ.ต.อ.สุจินต์ นิจพานิชย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา พ.ต.อ.รณกร ฤทธิรงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พ.ต.อ.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ต.อ.อิทธิพล นาคคำ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร

พื้นที่อีสานเหนือได้ผู้นำคนใหม่เป็น พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ขึ้นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในถิ่นเก่า แทบจะยกเครื่องใหม่เกือบหมด มี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ข้ามเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี  พล.ต.ต.ไพโรจน์ มังคลา ผู้บังคับการประจำตำรวจภูธรภาค 3 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด พ.ต.อ.พุฒิพงศ์ มุสิกุล รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พ.ต.อ.สุรชัย สังขพัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พ.ต.อ.สมประสงค์ พิมพิลา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ต.อ.ดิเรก ธนานนท์วิวาส รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม พ.ต.อ.นิพนธ์ พานิชเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภธรจังหวัดสกลนคร เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย พ.ต.อ.สมนึก มิควาฬ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ

ย้อนขึ้นไปพื้นที่ภาคเหนือ เปลี่ยนแม่ทัพ เป็น พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เสียบตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สลับเก้าอี้ผู้การจังหวัดไม่น้อย พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผู้บังคับการกองการเงิน เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พล.ต.ต.นันทวิทย์ เทียมบุญธง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ พ.ต.อ.นฤชิต เนียวกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ส่วนภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน ได้ พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปคุมทัพตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ปรับ พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 คืนถิ่นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก พล.ต.ต.สุกฤษฎิ์ บุญทรง ผู้บังคับการกองโยธาธิการ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ พล.ต.ต.มาโนช อนันต์ฤทธิ์กุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ถึงทรัพย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี พ.ต.อ.ระวีพรรษ อมรมุนีพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ขึ้นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พ.ต.อ.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย

ถึงคิวกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่มี พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ นั่งคุมทัพตามเดิม โยก พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี พ.ต.อ.วรณัน สุขเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม

ลงใต้พื้นที่  พล.ต.ต.จิรวัฒน์ ทิพย์จันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 นายหัวคนใหม่ที่ย้ายเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สลับสับเปลี่ยนเก้าอี้เกือบหมดด้วยเช่นกัน ได้ พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ขยับเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 8 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.ธรัฐชา ถมปัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา พล.ต.ต.ภรศักดิ์ นวนหนู ผู้บังคับการประจำกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยศิริ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต

สุดท้ายปลายด้ามขวานประเทศ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้สิทธิคุมพื้นที่ความมั่นคงในสมรภูมิ 3 จังหวัดชายแดนคาบเกี่ยวพื้นที่ติดต่ออีก 4 จังหวัด ล้างขุนทัพใหม่เกือบหมดทิ้งสตูลไว้จังหวัดเดียว มี พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 9 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล ผู้บังคับการฝึกพิเศษ เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส

สถานีต่อไปได้เวลาพิจารณาระดับ “นายกอง” ที่ต้องไปเป็นมือไม้ทำงานระดับ “รองผู้บังคับการ-สารวัตร”

วัดใจ “ผู้นำ” จะยอมปล่อยให้แม่ทัพเลือกใช้โควตาคนของตัวเองมากน้อยแค่ไหน

RELATED ARTICLES