“ผมยังมั่นใจว่าตำรวจจะจับคนร้ายรายนี้ได้แต่การตรวจสอบทางเทคนิคจำนวนมากต้องใช้เวลา” พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มือปราบโพสต์เฟซบุ๊กไว้ก่อนหน้าหลายวัน
มั่นใจทีมงานตำรวจนักสืบรุ่นน้องต้องคลี่คลายคดีโจรฆ่า 3 ศพร้านทองโอโรร่า กลางเมืองลพบุรี ได้แน่นอน
ท่ามกลางแรงกดดันจากสังคมโซเชียล
เหมือนพิสูจน์ “น้ำยา” ดรีมทีมนักสืบเมืองไทยของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
“แต่จากรูปร่าง ลักษณะการเดิน การแต่งกาย เสื้อผ้ากางเกงที่สวมใส่ กระเป๋าเป้ อาวุธปืน และยานพาหนะที่ใช้ คนที่รู้จักหรือคนสนิทดูก็รู้ว่าเป็นใคร จากความโหดเหี้ยมอำมหิตที่มันก่อขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยกันแจ้งข่าวสารให้ตำรวจทราบ อย่าให้คนชั่วลอยนวล” อดีตผู้บังคับการปราบปรามผู้ที่ผันตัวไปนั่งเก้าอี้นายกสมาคมตำรวจให้ข้อคิด
ผ่านไปนานสิบกว่าวัน แรงกดดันยังคงกระเพื่อมกระตุ้นผู้รักษากฎหมาย
โลกออนไลน์พากันเย้ยหยัน
นักสืบไซเบอร์วิเคราะห์คดี มโนโซเชียลไปต่าง ๆ นานา
ขณะที่ กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนชั่วคราวภายในสถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดลพบุรี เริ่มมีความขัดแย้งไม่ลงรอยระหว่างคณะทำงานสืบสวนสอบสวนต่างหน่วยเหมือน “ปลาคนละน้ำ” บังข้อมูลหวัง “เด็ดยอด” เอาผลงาน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ต้องหมั่นขึ้นเฮลิคอปเตอร์คอยห้ามทัพเป็น “กาวใจ” ระหว่างเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ 36 ที่ลุ้นขั้ว “แม่ทัพคนใหม่” ในอนาคต
บ้างก็ว่า พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย หัวหน้าทีมสืบสวนตั้งแต่ต้นปล่อยมือ บ้างก็บ่น พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ นอตหลุดด่ากราดลูกน้อง ส่วน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เลือกนิ่งไม่ขอแอคชั่นข้ามหน้าข้ามตาหมู่เพื่อนรักร่วมรั้วสามพราน
คดีดูเหมือนไม่คืบหน้า แต่ภายนอกหารู้ไม่ว่า พวกเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำบ้านช่องไม่ได้กลับ ครอบครัวลูกเมียที่รักไม่มีโอกาสเจอหน้า
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กำชับให้ทุกอย่างเป็น “ความลับ” ไม่ให้แพร่งพรายไปออกสื่อกันผู้ต้องสงสัยไหวตัว หลังจากได้พยานหลักฐาน “เปิดหัว” นำไปสู่ตัว ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิ์ชัย ถิ่นบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
ก่อน “วันดีเดย์” ทีมงานชุดใหญ่เริ่มเคลื่อนไหว พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทำหน้าที่คุมทีม พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ณัฐพล ศุภกร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี
พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ควบคุมทีม พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล
ส่วน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม มอบหมาย พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บังคับการปราบปราม รับผิดชอบงานสอบสวน มี พ.ต.อ.อรุณ วัชรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม และ พ.ต.อ.วิจักษ์ ตารมย์ ผู้กำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม นำหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน” ลุยงานตามนัดหมาย
พร้อมเข้าค้นเป้าหมายทุกจุดในเวลา 06.00 น.ไล่เลี่ยกับเวลาที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำหนดขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินมาลงพื้นที่ดูเนื้องาน “โบแดง” ขั้นตอนกระชากโฉมหน้า “โจรเหี้ยม”
ไม่มีเสียงปืนดังตามกองเชียร์เอามันสะใจ
“ถ้าทำวิสามัญฆาตกรรมไป ใครจะตอบสังคมว่า ทำไมต้องยิงขนาดนั้น” ทีมนักสืบขัดปืน แต่ไม่อาจฝืนความจริง
14 วันกับการปิดแฟ้มผลงานน่าชื่นชม
ยังไม่วายมีเสียงก่นระคนสงสัย “แพะหรือเปล่า”
เอาอะไรกับพวกโลกสวย