“สังคมที่ปั่นป่วนมักเกิดจากกระบวนการที่ป่วนปั่น” น สิยา ประจำเวทีนาฏกรรมสีกากีวันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563
โศกนาฏกรรม …00 กลายเป็นบันทึกเหตุการณ์สะเทือนขวัญเขย่าประสาทคนไทยทั้งประเทศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน …00 จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา สังกัดกรมสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จังหวัดนครราชสีมา สติแตก ยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับกองพัน เจ้านายตัวเองคาบ้านพัก …00 แล้วจ่อยิง นางอนงค์ มิตรจันทร์ แม่ยายผู้พันตายอีกศพ …00 ทว่าเรื่องไม่จบแค่นั้น ดันบานปลายลุกลามยึดรถฮัมวีขับเข้าค่ายไปยิงทหารเวรตายเป็นศพที่ 3 ปล้นเอาอาวุธสงครามมุ่งหน้าเข้าเมืองโคราช
จากนั้นอุบัติโหดปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว …00 จ่าทหารบกหน่วยรบไล่กราดยิงชาวบ้านนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายเกลื่อนถนน ไม่เว้นแม้แต่รถสายตรวจโรงพักเมืองนครราชสีมา…00 แถมโพสต์เฟซบุ๊กท้าทายประกาศ ผลงานระบายอารมณ์ละเลงเลือด ไปตลอดทาง …00 บุกห้างเทอร์มินอล 21 ระเบิดถังแก๊สไฟลุกท่วม จับชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เป็นตัวประกัน ระทึกนานหลายชั่วโมง ท่ามกลางประโคมข่าวผ่านโลกโซเชียลสร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว
รุดคุมเกม …00 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รีบเดินทางไปบัญชาการเหตุการณ์ เคียงข้าง พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มี “หน่วยพิเศษ” ผู้ชำนาญจากหลายสังกัดตามไปสมทบ …00 อาทิ พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการข้ามประเทศให้ พล.ต.ต.สยาม บุญสม ผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 นำ “คอมมานโด” ลงพื้นที่ …00 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม ขน “หนุมาน” ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วน ไล่เลี่ย พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ คุม ทีมอรินทราช 26 ของกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
ขณะที่ “สารวัตรฮัท” ร.ต.อ.ชานนท์ ชัยจินดา ลูกชายแม่ทัพสีกากี ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยสไนเปอร์ ไปพร้อมพลร่มนเรศวร 261 ของกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ พ.ต.อ.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 นำ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ร่วมภารกิจ …00 ปิดล้อม และพยายามเคลียร์พื้นที่ช่วยประชาชนที่ติดอยู่ในห้างออกมาให้มากที่สุด
สูญเสีย …00 เสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ จ่าสิบทหารใจเหี้ยมยังเก็บตัวอยู่ในที่ซ่อน อาศัยความชำนาญด้านเชิงรบ “ลอบกัด” ตำรวจ …00 แฟ้มประวัติระบุชัดเป็นนักกีฬาแม่นปืนของกองทัพภาคที่ 2 มีความเชี่ยวชาญในการใช้ปืนสั้นและปืนยาว ผ่านหลักสูตรพลแม่นปืนและซุ่มโจมตีทางยุทธวิธีแบบกองโจรเป็นอย่างดี …00 ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา ผู้บังคับหมวด กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ต้อง “พลีชีพ” สังเวยร่างจากการปะทะเดือดกลางห้างดังเมืองโคราช …00 เช่นเดียวกับ ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย ผู้บังคับหมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
สถานการณ์ตึงเครียดตลอดคืน …00 “วิกฤติจ่าคลั่ง” กว่าจะคลี่คลายใช้เวลารวม 17 ชั่วโมง สุดท้าย คนร้ายสติแตกในคราบ “ทหารนักรบ” พบจุดจบเป็นศพไม่สวยตามบทอวสาน …00 โดนตำรวจวิสามัญฆาตกรรมปิดฉากชีวิตที่สร้างความวิปริตไปทั้งเมืองโคราช สมดังความตั้งใจในโพสต์ท้าย ๆ “ ตายดีกว่ายอม” …00 ต้องยกเป็นบทเรียนนำไปศึกษาและทบทวนยุทธวิธี รวมถึงการตรวจสภาพจิตของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการใช้อาวุธ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ “ซ้ำรอย” คอยซ้ำเติมครอบครัว “ฮีโร่ไร้ลมหายใจ” ที่อยู่ข้างหลัง
ขอสดุดี …00 ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา นายตำรวจหนุ่มกล้าชาวอำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ต้องมาตายในสนามรบนอกตำรา ที่สร้างความโศกเศร้าแก่ครอบครัวและผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน …00 บรรจุเป็น ส.ต.ต.ตำแหน่งผู้บังคับหมู่พลร่ม กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2550 …00 ใช้เวลา 5 ปีสอบเลื่อนชั้นเป็นสัญญาบัตร ตำแหน่ง รองสารวัตรงานธุรการ กองกำกับการสุนัขและม้าตำรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ แล้วโยกเป็นรองสารวัตรงานสายตรวจสังกัดเดิม ก่อนขยับมาหน่วยอรินทราช 26
ด้าน ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย เป็นชาวกรุงเกิดท้องทุ่งบางกะปิ จบมัธยมโรงเรียนบางกะปิ …00 บรรจุแต่งตั้งเป็น พลสำรอง ตำแหน่ง รองผู้บังคับหมู่ กองร้อยที่ 1 กองกำกับการ โรงเรียนตำรวจนครบาล เมื่อปี 2548 ติดยศ ส.ต.ต. ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ ชุดปฏิบัติการศูนย์เทคโนโลยีและการสื่อสาร กองบัญชาการตำรวจนครบาบ และย้ายเข้าหน่วยอรินทราช 26 เมื่อปี 2557 ผ่านหลักสูตรยุทธวิธีการรบมากมาย …00 ถือเป็นความสูญเสียบุคลากรชั้นดีพร้อมกันถึง 2 นาย
