“การทำงานปราบปรามจับโจรต้องอาศัยความโกรธ”

 

ตำรวจรุ่นใหม่น้อยคนนักที่จะสัมผัสชีวิตการทำงานของนายพลคนดังอดีตเจ้าพ่อกองปราบปรามอย่าง พล.ต.ต.รังสิต ญาโณทัย ที่สื่อมวลชนตั้งฉายาให้ว่า “พ่อม้าน้ำ” เลียนมาจากโฆษณาที่โด่งดังในจอทีวียุคนั้นกับวลีฮิตติดปาก “ม้วนหาง… ซิลูก”

พล.ต.ต.รังสิต เกิดที่กรุงเทพฯ หลังจบ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ตัดสินใจสมัครสอบเข้าเตรียมทหารเป็น จปร.รุ่น 6 แต่เลือกที่จะเป็นตำรวจ มีเพื่อนร่วมรุ่น อาทิ พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ พล.ต.ท.ธนู หอมหวล และพล.ต.ท.ชัยสิทธิ์ กาญจนกิจ

รับราชการครั้งแรกเป็นรองสารวัตรอยู่โรงพักชนะสงครามนาน 7 ปีย้ายเป็นหัวหน้าโรงพักกิ่งห้วยขวาง (สมัยนั้น) ก่อนก้าวขึ้นสารวัตรในกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลเหนือ ย้ายเป็นสารวัตรปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง นาน 4 ปีเลื่อนขึ้นสารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง และสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลบางกอกใหญ่

เป็นรองผู้กำกับการนครบาลแถวพื้นที่ฝั่งธนบุรีอยู่พักใหญ่แล้วถูกส่งไปเป็นผู้กำกับการวังปารุสก์ที่ไม่มีใครอยากอยู่ แต่เขาเลือกสมัครใจไปเพราะเบื่อรุ่นพี่ พัฒนาหน่วยงานจัดการหลายอย่างจนดีขึ้น จากนั้นสลับเป็นผู้กำกับการนครบาล 17 ก่อนก้าวเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาลธนบุรี

วันที่ 1 ตุลาคม 2533 นั่งทำงานเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลธนบุรี แต่เพียงไม่กี่วันถัดมาถูกพิษทางการเมืองเล่นงานโยกเป็นผู้บังคับการประจำกรมตำรวจ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ พล.ต.ต.รังสิตจึงมีชื่อขึ้นทำเนียบผู้บังคับการกองปราบปรามต่อจากพล.ต.ต.เสรี เตมียเวช หรือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน เมื่อพ้นเก้าอี้ “ผู้การกองปราบ” ได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 อีก 4 เดือนก่อนเกษียณอายุราชการ

ชีวิตราชการของนายพลท่านนี้ถือว่าโลดโผนโจรทะยานไม่น้อย ด้วยที่นิสัยขี้เล่นตั้งแต่เด็ก เอาประทัดไปวางไว้บนรางรถไฟแล้วให้เกิดเสียงดัง ปรากฏว่าโดนตำรวจจับ พี่ชายต้องไปขอร้องให้ปล่อยจึงเกิดความฝังใจบวกกับชอบเล่นบทตำรวจจับผู้ร้ายอยู่แล้วจุดประกายให้ก้าวเข้าสู่เส้นทางมือปราบสีกากีที่ไม่เคยกลัวนาย

“เมื่อตอนเป็นรองผู้การอยู่ในตำแหน่งมานานกว่า 9 ปีแล้ว ไม่ได้ขึ้นเสียที ผมโวยหมด แม้กระทั่งอธิบดีกรมตำรวจ เราคนทำงาน ไม่ได้วิ่งเต้น มันไม่ยุติธรรม เป็นรองผู้การธน พอถึงเวลาก็มีรองผู้การเหนือ รองผู้การใต้ข้ามมานั่งผู้การธน แล้วเมื่อไหร่คนในหน่วยจะได้ขึ้น หลายคนเซ็งเลยดื่มเหล้าไปวันๆ แต่ผมคนทำงานก็เลยโวย สุดท้ายก็ยังไม่ได้” พล.ต.ต.รังสิตเริ่มย้อนอดีต

สาเหตุหลักเพราะมีนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ต้องการผลักดันลูกน้องตัวเองให้ขึ้นนั่งตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาลธนบุรี ทั้งที่อาวุโสน้อยกว่าจึงพยายามหาเรื่องกลั่นแกล้งปัดแข้งปัดขา

“พอได้ขึ้นเป็นผู้การธนก็มีปัญหา เมื่อคำสั่งออกมาซ้อนกันเพราะคนเก่าไม่มีคำสั่งย้าย  กรมตำรวจแก้ปัญหาให้ผมไปนั่งตำแหน่งผู้บังคับการประจำกรมตำรวจแทนนานเกือบ 1 ปี ผมก็มีปัญหากับนักการเมืองคนเดิมอีก พยายามเอาเรื่องเก่ามาใส่ไฟผมจะเอาตำรวจมาจับ ทั้งที่คดีนี้สั่งไม่ฟ้องแล้ว เป็นเรื่องที่ผมถูกกล่าวหาว่ายิงเด็กนักเรียนช่างกล เขาคิดว่าถ้าผมถูกจับก็จะโดนพักราชการ”

แต่บังเอิญดวงยังดี ก่อนที่ตำรวจจะเข้าค้นบ้าน เกิดเหตุการณ์คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติยึดอำนาจ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี นักการเมืองระดับรัฐมนตรีช่วยคนนั้นก็หมดอำนาจ พล.ต.ต.รังสิต ตัดสินเข้าพึ่งพา พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบก รุ่นพี่ ร.ร.สวนกุหลาบ และนายร้อย จปร. มีส่วนทำให้ได้รับความไว้วางใจผงาดขึ้นเป็นผู้บังคับการกองปราบปรามมีอำนาจทั่วประเทศ

อดีตผู้การกองปราบเล่าว่า ช่วงนั้นทำคดีสำคัญเยอะแยะ โดยเฉพาะการทลายโรงงานนรกที่กักขังเด็กไปบังคับใช้งาน เด็กบางคนโดนขังจนขาลีบไม่สามารถยืนได้ เป็นภาพสะท้อนชีวิตและปัญหาสังคมอย่างมาก  “ผมเห็นสภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกทรมาน ผมไม่มีลูกชายยังรู้สึกสงสาร จุดประกายให้ผมทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขณะที่หน่วยงานหลายแห่งก็หันมาแสดงความเอาใจใส่เกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็ก ตื่นตัวร่วมกันสอดส่องดูแลทำลายโรงงานเหล่านี้”

สำหรับฉายา “พ่อม้าน้ำ” ที่สื่อมวลชนตั้งให้นั้น พล.ต.ต.รังสิตจำได้ไม่ลืมว่า มีส่วนเกี่ยวเนื่องมาจากสมัยที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นผู้การกองปราบยึดแนวทางบริหารคนละแบบกับกองปราบปรามเดิม ทำให้ลูกน้องบางคนรับไม่ได้  มีการเขียนด่าและเอาของไปปารถ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มอบนโยบายว่า เหมือนงูถ้าหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก

“พอผมมารับตำแหน่งใหม่ต่อจากท่านก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันจึงเรียกประชุมลูกน้องขอว่า อย่าโลภมากอยู่แบบพอเพียง เหลือให้ทำงานบ้าง ทำในสิ่งที่ถูกต่อศีลธรรม เมื่อทำงาน ผลงานก็ออกมา เปิดใจพูดกับเขา บังเอิญมีโฆษณาทางโทรทัศน์เกี่ยวกับลูกม้าน้ำถามพ่อม้าน้ำแล้วได้รับคำตอบว่า ม้วนหางซิลูก พอนักข่าวถามแหย่ผมเรื่องหัวไม่ส่ายแล้วเกิดหางกระดิกจะทำอย่างไร ผมก็เลยตอบไปว่า ก็ม้วนหางซิลูก วันรุ่งขึ่นกลายเป็นข่าวใหญ่โต ตั้งฉายาผมเป็นพ่อม้าน้ำ” นายพลตำรวจวัย 70 เศษเล่าไปยิ้มไป

ความภูมิใจที่สุดในช่วงที่นั่งเก้าอี้ผู้การกองปราบ พล.ต.ต.รังสิตยอมรับว่า เป็นการสืบสวนทลายลัทธิมูนิซึ่มที่กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ถึงขั้นอัยการมาร่วมเป็นพนักงานสอบสวน ลัทธินี้สอนให้เด็กเกลียดพ่อแม่ ไม่เคารพพ่อแม่ กองปราบปรามแกะรอยอยู่นานกว่าจะทลายได้  เปลวสีเงิน คอลัมนิสต์ใหญ่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐในสมัยนั้นยังเขียนชื่นชม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยโจมตีเรื่องที่หาว่าตนไปยิงเด็กนักเรียนช่างกลบาดเจ็บเมื่อหลายปีก่อน

เรื่องของลัทธิมูนิซึ่มสะท้อนเรื่องราวเศร้าสลดสำหรับผมเหมือนกัน เพราะหลังจากกองปราบปรามทลายลัทธิได้ มีการส่งจดหมายข่มขู่ผมให้ระวังไว้แล้วจะเห็นดีกัน ตอนนั้นผมก็ระวังตัวตลอดคิดว่ามันจะมาทำอะไรผม ผลสุดท้ายมีข่าวฆาตกรรมพระวัดไทยในอเมริกาหมดทั้งวัด พวกมันก็ส่งจดหมายมาเยาะเย้ยผมถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เราก็ทำอะไรมันไม่ได้ เล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้”

จะว่าไปแล้ววีรกรรมมือปราบของ พล.ต.ต.รังสิตในอดีต ก็เกือบทำให้เขาจบชีวิตบนเส้นทางตำรวจหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาลธนบุรีมีเหตุคนร้ายมายาบ้าใช้ปืนจ่อหัวหญิงสาวเป็นตัวประกันบอกจะเอาไปแต่งงานด้วยในท้องที่โรงพักภาษีเจริญ  พล.ต.ต.รังสิตรับแจ้งแล้วรุดไปดูพบเป็นอาคารตึกแถว ผู้ต้องหาจี้เหยื่อสาวไว้ในห้องเอาถังแก๊สมาวาง จุดไฟจะให้ระเบิดต้องเอาน้ำมาฉีดจนท่วมไปหมด

“ช่วงระยะเวลาวิกฤตินั้น ชาวบ้านเริ่มด่าตำรวจไม่ยอมทำอะไรเสียที ผมตัดสินใจยิงใส่เข้าไปในอาคาร ไม่รู้ว่าโดนมันหรือเปล่าเพราะมืดมาก แต่เห็นเสียงเงียบผิดปกติจึงเข้าไปดู โดยสั่งลูกน้องให้อยู่ด้านนอก เห็นคนร้ายโดนยิงบาดเจ็บกำลังจะเข้าไปตรวจดูอาการ เท่านั้นแหละ เกิดเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวมาจากด้านหลังผม ไอ้ลูกน้องสายสืบมันตามมาตอนไหนไม่รู้แล้วดันยิงใส่มันทั้งที่ผมไม่ได้สั่ง ผลปรากฏคนร้ายถูกยิงพรุนเลยถูกหาว่ากระทำเกินกว่าเหตุ หนังสือพิมพ์เขียนข่าวโจมตีผมรายวัน กว่าจะเคลียร์กันได้แทบแย่”

มาถึงเรื่องที่โดนกล่าวหาว่ายิงเด็กนักเรียนช่างกล อดีตตำรวจมือปราบเล่าว่า เป็นการเข้าใจผิด ตอนนั้นเป็นรองผู้การธนอีกเช่นกัน กำลังนั่งตัดผมอยู่แล้วมีวิทยุรายงานว่า มีนักเรียนช่างกลหลายสถาบันรวมตัวกันปิดถนนล้อมโรงเรียนช่างกลสยาม “ผมอยู่ใกล้จึงไปดูและระดมกำลังตำรวจในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาลธนบุรีพร้อมกระบองไปคอยระงับเหตุ เห็นพวกช่างกลตะโกนร้องเย้ว ๆกัน ผมเลยประสานเอารถเมล์มาหลายคันเพื่อขนเด็กต่างสถาบันกลับไป เหตุการณ์เริ่มบานปลาย มีเด็กคนหนึ่งถูกรุม ผมบอกให้หยุดแล้วยกปืนขึ้นเพื่อจะขู่ แต่ปืนดันลั่น เดชะบุญกระสุนเฉี่ยวหัวเด็กไปนิดเดียว ผมก็รีบเข้าไปขอโทษบอกไอ้น้องพี่ไม่ได้ตั้งใจนะก่อนพาส่งโรงพยาบาลทำแผล เด็กคนนั้นก็เข้าใจ ว่าผมช่วยระงับเหตุไม่ได้ตั้งใจ ผมได้ให้ชื่อ นามสกุล และตำแหน่งแก่เด็กไป  ถามด้วยว่า ถ้ามีคนมาบอกว่าพี่ยิงแล้วน้องจะว่ายังไง น้องเขาตอบเลยว่า ก็พี่ไม่ได้ยิง ก็บอกพี่ไม่ได้ยิงซิ ผมจึงพาไปลงบันทึกประจำวัน ไป ๆ มา ๆ ผมถูกตั้งกรรมการสอบสวนไล่หลัง ทั้งที่อัยการสั่งไม้ฟ้องแล้ว ผู้เสียหายก็ไม่เอาเรื่องจะเอาผมออกจากราชการหรือพักราชการให้ได้”

ชนวนเหตุที่ถูกตามจองล้างจองผลาญสมัยนั้น พล.ต.ต.รังสิต เล่าว่าเกิดจากที่ไปมีปัญหากับนักการเมืองเจ้าถิ่น นอกจากที่เขาอยากจะดันรองผู้การอีกคนที่สนิทกับเขาขึ้นแล้ว เรายังไปจับลูกน้องเขา ทำให้เขาไม่พอใจ เมื่อมีอำนาจเป็นถึงรัฐมนตรีช่วยกระทรวงใหญ่ก็พยายามหาเรื่องเล่นงาน  คิดเอาแล้วกัน ลูกน้องเขาทำตัวเป็นนักเลงทะเลาะกับหนุ่มโรงงานในร้านอาหารพอออกมานอกร้านก็ล็อกคอเอาปืนจ่อยิงอย่างโหดเหี้ยม มันเกินไป คนตายยังวัยรุ่น ทะเลาะกันเตะกันก็พอแล้ว พอไปจับ เขาก็ไม่พอใจ

พล.ต.ต.รังสิตให้แง่คิดฝากตำรวจรุ่นหลังด้วยว่า การปราบโจรนั้นต้องใช้อารมณ์ ต้องโกรธ ตำรวจที่ทำงานฝ่ายปฏิบัตินั้นถ้าไม่โกรธเลยก็จะไม่มีไฟในการทำงาน ต้องโกรธและก็เจ็บแค้นแทนเขา “ผมยังจำติดหัวได้เลยว่า มีการเขียนป้ายไว้หน้าบ้านว่า ขาตู้เย็นมาเอาไปสักทีจะหมดบ้านอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการเขียนข้อความประชดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่รู้เหมือนกันว่า ตำรวจท้องที่อยู่กันได้อย่างไร ดังนั้น การทำงานปราบปรามจับโจรต้องอาศัยความโกรธ เห็นประชาชนถูกรังแกต้องโกรธ ไม่ใช่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เช้ามานั่งทำงาน ตกเย็นกลับบ้าน เมื่อมีคดีจี้ปล้นชิงทรัพย์ก็ไม่มีใครอยู่แล้วชาวบ้านจะพึ่งใคร”

ทั้งนี้ทั้งนั้น อดีตผู้การกองปราบคนดังเตือนว่า การทำงานทุกอย่างต้องมีสติ จับผู้ร้ายที่ต้องอาศัยความโกรธ ก็ต้องโกรธแบบมีสติ ที่ผ่านมาตั้งใจเกินไป เจ็บแค้นแทนประชาชนมากเกินไปจนเกือบติดคุก เกือบออกจากราชการหลายครั้ง ทั้งที่ทุกอย่างทำไปเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน

“แต่อย่าลืมว่าบาปกรรมมันมีจริง” เป็นคติสอนใจทิ้งท้ายของอดีตนายพลตำรวจมือปราบ

รังสิต ญาโณทัย !!!

 

RELATED ARTICLES