กลายเป็นคดีฆาตกรรมที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
แต่แล้วกองบังคับปราบปรามยังคงทำหน้าที่สมดังสโลแกน “ที่สุดท้ายที่หมายพึ่ง” ตอบแทนความหวังของการเรียกร้องความยุติธรรมจากญาติผู้เสียชีวิต
เที่ยงวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 มือปืนพระกาฬประกบยิงอุกอาจดับ นายประทุม สะอาดนัก อายุ 47 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณหลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละพุง จังหวัดชลบุรี
คนร้ายใช้ปืน 11 มิลลิเมตรซัดเข้าเบ้าตาขวาทะลุหลังศีรษะอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
มีพยานให้การว่า เพิ่งเดินทางกลับจากท่องเที่ยวพักผ่อนที่เกาะล้าน ขึ้นท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างของผู้ตายไปส่งด้านหลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 เมื่อถึงจุดหมายลงรถเดินเข้าประตูด้านหลังโรงเรียน
เสียงปืนก็ดังขึ้น
พยานสะดุ้งหันกลับไปดูพบวินจักรยานยนต์รับจ้างคันเดียวกันนั้นจบชีวิตคร่อมรถจักรยานยนต์แล้ว
เท่ากับมือปืนสะกดรอยตามเป้าหมายมาจากวินรถจักรยานยนต์รับจ้างตรงท่าเรือแหลมบาลีฮายอย่างนั้นหรือ
ต่อมา พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา นำกำลังแกะรอยไล่กล้องวงจรปิด กระทั่งพบรถต้องสงสัยเป็นมือปืนจดแวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารแห่งหนึ่ง ชายหาดบางแสน อำเภอเมืองชลบุรี
เป็นหลักฐานสำคัญนำไปสู่การควบคุมตัว นายมนัส อิ่มหนำ อายุ 39 ปี คนลั่นไก และ นายนิพนธ์ ปานทอง อายุ 45 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ ขยายผลค้นห้องพักยึดเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ อีกทั้งอาวุธปืน 11 มิลลิเมตร ทูตสังหารหนุ่มใหญ่วินจักรยานยนต์รับจ้างอย่างอุกอาจกลางวันแสก ๆ
ชนวนเหตุมือปืนอ้างว่า เกิดจากความแค้นส่วนตัวที่ผู้ตายมาดูถูกเหยียดหยาม ดุด่าว่ากล่าวต่อหน้าคนอื่น จำเป็นต้องสางบัญชีเด็ดชีพ
ครั้งนั้้นตำรวจยืนยันว่า การสอบสวนประเด็นอื่นไม่พบ เช่นเดียวกับปัญหาความขัดแย้งหักผลประโยชน์เรื่องยาเสพติดที่ไม่พบเช่นกัน
ตำรวจเมืองพัทยาใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันติดตามปิดแฟ้ม ผลงานชิ้นโบแดง ได้สำเร็จ
ปรากฏว่า เรื่องราวกลับตาลปัตรเมื่อญาติผู้ตายติดใจ “ปมสังหาร” ไม่น่าจะเป็นแค่ความขัดแย้งวิวาทส่วนตัว ตัดสินใจเข้าพบ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม ร้องขอความเป็นธรรมให้ช่วย “ปัดฝุ่น” แฟ้มคดีฆ่าที่ดูเหมือนว่าจะปิดไปแล้วขึ้นมาให้กระจ่างชัด เพื่อคลายข้อกังขาค้างคาความรู้สึกของบรรดาครอบครัว
ในฐานะเลขาศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม มอบหมายให้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม นำกำลังประกอบด้วย พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.กรกช ยงยืน สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม กับพวกลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาข่าว
กระทั่งได้กลิ่น “จัดฉากนาทีเลือด” ของผู้บงการ “สั่งตาย” เป็น นายทุนบ่อนอิทธิพลใหญ่กลางเมืองพัทยา ส่งลูกน้องคุมบ่อนไปติดต่อหามือสังหาร “ตามเก็บ” นายประทุม สะอาดนัก วินจักรยานยนต์รับจ้าง
สนนราคาค่าจ้าง 2 แสนบาท
เนื่องจากผู้ตายแอบเข้าไปถ่ายรูปสถานที่ลักลอบเปิดบ่อนพนันในเมืองพัทยา แต่มีผู้จับได้จึงเรียกเข้าไปด่าทอจนเกิดมีปากเสียง ท้าทายกัน เรื่องถึงเข้าหู “นายทุนเจ้าของบ่อนอิทธิพล” กลัวผู้ตายจะ “ปากโป้ง” แฉแหล่งธุรกิจสีเทาที่ซบเซามาระยะหนึ่งจาก “พิษโควิด”
จัดแจงสั่งให้ลูกน้องไปจัดการหามือปืนตาม “ปิดปากเหยื่อ”
กำลังตำรวจกองบังคับการปราบปรามจึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับศาลอาญาควบคุมตัวนายสุพรรณ ใหม่งาม อายุ 53 ปี ที่หน้าบ้านเลขที่ 212/80 หมู่ 5 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และ นายถาวร สาระกูล อายุ 53 ปี ที่หน้าโรงแรมไมเคิล อินน์ ซอยเฉลิมพระเกียรติ 11 หมู่ 9 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
ทั้งคู่ให้การปฏิเสธอ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทว่าตำรวจกองปราบปรามมีข้อมูลการสืบสวนสอบสวนอยู่เต็มแฟ้ม
อยู่ที่ว่าจะสาวก้าวไปถึง “นายทุนบ่อนอิทธิพลใหญ่เมืองพัทยา” ได้มากน้อยแค่ไหน
“ไอ้โม่ง” คนนี้เป็นใคร ทำไมถึงกล้า “สั่งตาย” วินจักรยานยนต์รับจ้าง
ที่สำคัญ ใครที่ยังอยู่เบื้องหลัง “ไอ้โม่ง” เจ้าของบ่อนชายทะเลภาคตะวันออก ชนิดออกตัว “ไฟเขียว”ผ่านตลอดก่อนหน้ากันคึกคัก
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยไปรักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 อยู่พักใหญ่ ประกาศิต “เด็ดขาด” ประกาศห้ามมีบ่อนการพนันและแหล่งอบายมุขทั้งเมืองพัทยา และชลบุรี
วันนี้กลับมา “ดี๊ด๊า” แล้วยังกล้า “สั่งฆ่าคน”
ปล่อยไว้สุจริตชนคงอยู่ลำบาก