ผบ.ตร.แถลงผลปฏิบัติการจับกุมทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา น.ส.สภัทร์พร ธรรมาภรณ์พิลาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และผู้แทนธนาคารกรุงไทย ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม “ขบวนการทุจริต โครงการเราเที่ยวกัน” ผู้ต้องหา 50 ราย

สืบเนื่องจากมีการพบพฤติกรรมผิดปกติในโครงการเราเที่ยวด้วยกันในหลายพื้นที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแ่หงชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงานประสานข้อมูล พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม นำกำลังกองปราบปราม และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สืบสวนร่วมกันพบว่า มีผู้ประกอบธุรกิจที่กระทำการเข้าข่ายทุจริตหลายรูปแบบ เช่น เปิดให้มีการจองห้องพัก แต่ไม่มีการเข้าพักจริง นําคูปองที่ได้รับหลังจากเช็กอินห้องพักไปสแกนใช้จ่ายกับร้านค้า แต่ไม่มีการซื้อสินค้าจริง บางโรงแรมมีที่ตั้งจริง ลงทะเบียนถูกต้อง แต่ยังไม่เปิดให้บริการกลับมีการเปิดให้จองห้องพัก หรือมีการตั้งราคาจองห้องพักไว้แพงเกินจริง หวังกินส่วนต่างราคาส่วนลด

ต่อมา  ชุดปฏิบัติของกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการเข้าตรวจค้นโรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต ในจังหวัดชัยภูมิ และผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 38 จุด จับกุมผู้ต้องหารวม 38 ราย มีการลงทะเบียนเป็นรีสอร์ตขนาดเล็ก ห้องพักทั้งหมด 10 ห้อง นับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้สิทธิโครงการ 9,263 ราย ยอดจองห้องพัก 92,028 ห้อง เฉลี่ย 1,000-3,000 ห้องต่อวัน คิดเป็นมูลค่ารวม 33,866,966 บาท ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และยังพบว่า กว่าร้อยละ 99 ของการจองห้องพัก 1 ค จะจอง 10 ห้อง เต็มทุกครั้ง เวลาในการเช็กอินและเช็กเอาต์ทับซ้อนไม่สัมพันธ์กัน คูปองที่ได้รับหลังจากเช็กอินห้องพั ที่ใช้สำหรับสแกนจ่ายกับร้านค้าที่เข้าโครงการ มียอดการใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติอีกด้วย

ส่วนชุดปฏิบัติการของนำโดย พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม เข้าค้นโรงแรมธาราป่าตอง และเครือข่าย รวม 14 รายในจังหวัดภูเก็ต มีประชาชนร่วมทุจริตรวมกว่า 800 ราย เบื้องต้นจับกุมผู้ต้องหารวม 12 ราย พฤติกรรมการทุจริตแตกต่างกันออกไปจากกรณีจังหวัดชัยภูมิ โรงแรมจะร่วมมือกับผู้จัดทัวร์เชิญชวนว่า หากประชาชนจองห้องพักเต็มสิทธิจะให้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์เป็นจำนวน 3 วัน 2 คืน แต่กลับไม่มีการเข้าพักโรงแรมจริง ผู้จัดทัวร์กิจกรรมยังให้ประชาชนชำระค่าบริการในการทำกิจกรรมด้วยการสแกนคูปองที่ได้รับหลังจากการเช็กอินห้องพักใช้จ่ายกับร้านค้าที่ควบคุมไว้

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติระบุว่า ผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ มีผู้ซื้อสิทธิในโครงการให้ค่าตอบแทนรายละ 400-500 บาท เมื่อประชาชนขายสิทธิให้แล้ว ผู้ซื้อสิทธิจะให้เจ้าของสิทธิติดตั้งแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” นำเอาโทรศัพท์ของเจ้าของสิทธิไปดำเนินการจองโรงแรม และใช้คูปอง บางกลุ่มจะนำเอาข้อมูลบัตรประชาชนและซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วไปขายต่อให้กับผู้สวมสิทธิราคา 800-1,000 บาท แล้วว่าจ้างให้ผู้ร่วมขบวนการกรอกข้อมูลเพื่อจองห้องพักกับโรงแรม มีกลุ่มที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารอีกกลุ่มหนึ่งคอยทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของสิทธิ

สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมด พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชนฯ และ ข้อหา ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ พฤติกรรมการกระทำความผิดในคดีนี้ยังมีลักษณะของการฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ เป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วย

 

RELATED ARTICLES